แฉเพื่อชาติ 'ชูวิทย์ 'ไล่ตอบรายประเด็น บ.อสังหา - กร้าวขยี้ 'เศรษฐา'สุดซอย
กองเชียร์เพื่อไทย กองเชียร์ "เศรษฐา" ทำใจเหนื่อยต่อ หลัง "ชูวิทย์" เดินหน้าแฉเพื่อชาติ ดับเครื่องชนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย กลางวันเปิดแถลงข่าว ตกค่ำไล่ตอบรายประเด็น ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถูกพาดพิง ทำเอกสารชี้แจง ย้ำชัดมีการหลีกเลี่ยงภาษี 521 ล้าน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ซึ่งมีบทบาทในการออกมาเปิดโปงเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นประเด็นทางสังคม และทางการเมือง ได้ใช้พื้นที่ในสื่อสังคมออนไลน์ เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ที่มีความเกี่ยวข้องไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ( บริษัทแสนสิริ จำกัด มหาชน) โดยมีการชี้แจงในแต่ละประเด็น หลังจากที่นายชูวิทย์ ออกมาอธิบายเรื่องนี้กับสื่อมวลชน และบริษัทแสนสิริฯ ในช่วงเที่ยงของวันนี้ และบริษัทแสนสิริฯ ได้ออกเอกสารชี้แจง ซึ่งต่อมาในเวลา 21.00 น. นายชูวิทย์ ได้โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ อธิบายหักล้างในแต่ละประเด็นดังนี้
คำแถลงการณ์จากชูวิทย์ถึง นายเศรษฐา ทวีสิน และ บมจ.แสนสิริ
.
บมจ.แสนสิริ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
.
มีฝ่ายกฎหมายเชี่ยวชาญเรื่องที่ดิน และต้องมีธรรมาภิบาล
.
ทั้งต่อผู้ถือหุ้น ประชาชน สังคม เศรษฐกิจของประเทศ
.
ผมขอตอบโต้ บมจ.แสนสิริ ด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริง ดังนี้
.
1. หากผู้ขายเป็นผู้ชำระภาษี และแสนสิริไม่ได้รับรู้เรื่องด้วย เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ขาย
.
แล้วเหตุใดแสนสิริจึงทำวาระการประชุมวันเดียว แบ่งการโอนจากผู้ขายออกมา 12 ฉบับ 12 วัน เพื่อไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียว โฉนดเดียว
.
และโอนติดต่อกัน 12 วัน เว้นเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ตามผู้ร่วมขายแต่ละคนแต่ละวันจนครบ
.
ส่งผลถึงการเสียภาษีที่แตกต่างกับวิธีปกติถึง 521 ล้านบาท ที่ไม่ได้ชำระให้รัฐใน ภ.ง.ด. 90
.
การเลี่ยงการโอนจากผู้ขายที่ต้องโอนพร้อมกันทั้ง 12 คน ทั้งที่เป็นที่ดินโฉนดเดียว
.
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้ากรณี “ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคล” ตามคำจำกัดความของกรมสรรพากรที่เคยวินิจฉัยว่า
.
สามีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรส ขายบ้านอยู่อาศัย 1 หลัง ถือเป็นคณะบุคคล ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอัตราก้าวหน้าในสิ้นเดือนมีนาคมปีถัดไป
.
ดังนั้น แม้จะอ้างว่าเป็นภาระของผู้ขาย แต่ผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ มีความเชี่ยวชาญด้านที่ดิน ภาษี มีการซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก มีโครงการอยู่ทั่วประเทศ
.
ย่อมรู้ดีว่าการโอนด้วยวิธีนี้ จะทำให้รัฐสูญรายได้จากภาษีเป็นเงิน 521 ล้านบาท
.
เป็นไปไม่ได้ว่าบริษัทที่มีธรรมาภิบาลในตลาดหลักทรัพย์ จะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องและเป็นเรื่องของผู้ขาย
.
หากผู้ซื้อไม่ยินยอมทำสัญญา หรือร่วมมือในการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ย่อมกระทำการไม่ได้เด็ดขาด
.
2. นายเศรษฐาเป็นกรรมการผู้จัดการ ในขณะที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว ที่มี 1 โฉนด โดยมีวงเงินสูงถึง ตารางวาละ 3.93 ล้านบาท หรือวงเงินรวม 1,570 ล้านบาท
.
ไม่เคยปรากฏว่ามีที่ดินแปลงใดในประเทศไทยมีการขายต่อตารางวาสูงขนาดนี้
.
นายเศรษฐาได้เข้าประชุมกรรมการ และเป็นผู้เซ็นรับรองการประชุม จึงย่อมปฏิเสธการรับรู้ถึงราคา วงเงินที่ดิน และแผนการเงินไม่ได้
.
การอ้างว่าไม่ทราบวิธีการโอนที่แปลกประหลาด อันเป็นเงื่อนไขทำให้รัฐสูญรายได้ 521 ล้านบาท
.
ย่อมไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารสูงสุดจะกระทำ เพราะถือเป็นความเสี่ยง หากใครคนใดคนหนึ่งไม่ยอมโอนในวันถัดไป จะทำให้ได้ที่ดินไม่ครบทั้งแปลง
.
แม้ประชาชนธรรมดายังไม่กระทำ
.
แต่ บมจ.แสนสิริ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ยิ่งไม่มีทางเสี่ยงที่จะกระทำ หากไม่มีวาระซ่อนเร้น
.
อีกทั้งนายเศรษฐารับรู้ว่ามีการแบ่งวาระการประชุมเป็น 12 ฉบับภายในการประชุมวันเดียว แต่ไม่ได้ทักท้วง
.
ทำให้เห็นพฤติการณ์อย่างชัดเจนว่าร่วมรับรู้ ร่วมกระทำความผิด เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีมาตั้งแต่ต้น
.
3. ยิ่งภายหลังอ้างว่าผู้ขายเป็นผู้มาขอเปลี่ยนแปลงวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ ต้องการแยกโอนเป็น 12 วันติดต่อกัน แสนสิริดูแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อตัวบริษัท ทำให้ทีมกฎหมายยินยอมกระทำการตามที่ผู้ขายร้องขอ
.
ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าแสนสิริ โดยนายเศรษฐา รับรู้วิธีการของผู้ขาย หากผู้ขายเสนอวิธีการโอนที่ผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงภาษี แสนสิริย่อมสามารถทราบดี
.
เพราะเป็นผู้ที่ซื้อที่ดินอยู่เป็นประจำ ทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินเป็นหลัก มีฝ่ายกฎหมาย และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศ
.
นอกจากนั้น พฤติการณ์อื่นๆ ไม่ว่าการรับมัดจำในที่ดินแปลงเดียวกันจากผู้ขาย 12 คน ในราคาที่แตกต่างกันในแต่ละคน ย่อมไม่มีนักธุรกิจวิญญูชนใดกระทำ
.
อีกทั้งการจ่ายเงินมัดจำถึง 50% ยังเป็นจำนวนสูงกว่าปกติ ผิดวิสัยการมัดจำที่ดินปกติทั่วไปซึ่งไม่เกิน 10-20%
.
และมีการชำระเป็นเงินสด สูงถึงวันละ 50 ล้านบาท ถึง 200 ล้านบาท
.
ย่อมไม่มีผู้ใดกระทำ โดยเฉพาะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
.
เมื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เสนอตัวเองรับใช้ประชาชน โดยถูกเสนอชื่อจากพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์
.
การกระทำที่ซ่อนเร้น อำพราง ช่วยเหลือให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีถึง 521 ล้านบาท โดยร่วมรับรู้ เป็นส่วนหนึ่งของผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ย่อมไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้
.
นายเศรษฐาจำเป็นต้องรอบคอบ เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ การเสียภาษีเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน แม้แต่พนักงานผู้ทำงานห้างร้านบริษัท ยังไม่สามารถหลบเลี่ยงภาษีได้แม้แต่น้อย
.
แต่นายเศรษฐากลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ร่วมมือกระทำความผิด ทำให้รัฐเสียหายไม่ได้เงินภาษีกว่า 521 ล้านบาท และมีที่ดินแปลงอื่นๆ ที่กระทำลักษณะเดียวกันอีกมาก
.
โดยจะนำเสนอในวาระถัดไป
.
ด้วยพฤติการณ์ของนายเศรษฐา จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
.
หากรัฐสภาให้นายเศรษฐารับตำแหน่งในอนาคต ย่อมจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติ
โดยอาจช่วยเหลือนายทุนคนอื่นๆ ให้กระทำการแบบเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกัน
.
นับเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
.
จึงขอเรียนให้สังคม ประชาชน สมาชิกรัฐสภาได้พิจารณาให้ถ่องแท้
.
โดยเอกสารหลักฐาน ต่างๆ จะนำเสนอให้ทุกท่านได้พิจารณาต่อไป
-------------------------
.
ความเป็นมาของเรื่องนี้
.
วันที่ 3 ส.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้แถลงกับสื่อมวลชนว่า การซื้อที่ดินของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ว่าเข้าข่ายนิติกรรมอำพราง ด้วยการซื้อที่ดินแปลงหนึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสารสิน กรุงเทพมหานคร เดิมมีราคาอยู่ที่ 1,570 ล้านบาท เนื้อที่ 399.7 ตาราวา ซึ่งเมื่อปี 62 เดิมที่ดินย่านนี้ราคาตารางวาละ 1 ล้านบาท แต่บริษัทประเมินซื้อขายอยู่ที่ ราคาตารางวาละ 3.93 ล้านบาท
ที่ดินแปลงดังกล่าว มีชื่อผู้เป็นเจ้าของทั้งหมด 12 คน ในโฉนดเดียวกัน และกระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงนี้ ใช้วิธีการโอนแบ่งเป็น 12 วัน จากผู้ขายทั้งหมด 12 คน หรือโอนวันละ 1 คนจนครบ ทำให้เสียภาษีให้กับกรมที่ดิน เพียง 59 ล้านบาทเท่านั้น ทั้งนี้หากผู้ขายทั้ง 12 คน โอนที่ดินให้กับผู้ซื้อในวันเดียวกัน จะทำให้เข้าเงื่อนไข เป็นคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งจะต้องจ่ายภาษีให้กรมที่ดิน 59 ล้านบาท และกรมสรรพากรในอัตราก้าวหน้า 35% อีก 521 ล้านบาท รวมภาษีทั้งหมดที่ต้องจ่าย 580 ล้านบาท
ส่วนเอกสารรายงานการประชุมของ บมจ.แสนสิริ ในการซื้อที่ดิน พบว่า มีลายเซ็นของ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นผู้รับรองการประชุม โดยการประชุมนี้เกิดขึ้นใน 1 วัน แต่มีรายงานทั้งหมด 12 ฉบับ แยกตามชื่อผู้ขาย เพื่อนำไปแยกวันโอนที่สำนักงานที่ดิน ทำให้เสมือนว่าต่างคนต่างขายทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียวกัน ดังนั้น พฤติกรรมของนายเศรษฐา แสดงให้เห็นว่ามีการร่วมมือกันกับคนขาย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคธรรมดาในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคลตามคำวินิจฉัยของสรรพากร
ขณะเดียวกันยังตั้งข้อสงสัยถึงการจ่ายเงินค่าซื้อที่ดิน โดยบริษัทมีการวางมัดจำเป็นเงินสดให้กับผู้ขายที่ดิน 12 คน ไม่เท่ากัน ในสัดส่วน 35 – 50% ซึ่งส่วนใหญ่ได้เงินมัดจำสูงกว่าเงินที่ได้รับวันโอนที่ดิน เชื่อว่าเงินสดดังกล่าวเป็นเงินทอนให้กับผู้ขาย สะท้อนได้จากราคาซื้อที่ดินที่ถูกทำให้สูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าสำหรับความผิด เข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 กรณีความผิดเกิดขึ้นโดยการกระทำตั้งแต่บุคคล 2 คนขึ้นไป ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยการนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
รวมถึงประมวลกฎหมายรัษฏากร มาตรา 37 เจตนาแจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ ตอบคำถามด้วยถ้อยคำเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเป็นเท็จมาแสดง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร หรือฉ้อโกง หรือด้วยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน จนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท
.