สว.กิตติศักดิ์ ห่วง 'เศรษฐา' แห้วกระป๋อง แนะจับตา อนุทิน - พล.อ.ประวิตร
สว.สายเดือด กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ชี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากเพื่อไทย "เศรษฐา" เจอมรสุมจากสุดยอดนักแฉ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ " ร่วมด้วยนักร้อง "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ" ส่งผลให้การโหวตนายกรัฐมนตรีผ่านเสียงสว.ต้องคิดหลายตลบ เกรงท้ายที่สุด อนุทิน หรือ พล.อ.ประวิตร คั่วแทน
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว. ) เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ที่กำลังถูกตรวจสอบทางด้านจริยธรรม และความเหมาะสม ทั้งจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทำให้เกรงว่าถึงที่สุดแล้วพรรคเพื่อไทย จะไม่ประสบความสำเร็จ ต่อการเสนอชื่อนายเศรษฐา โหวตนายกรัฐมนตรี หากเป็นไปภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว
เมื่อพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถนำจัดตั้งรัฐบาลได้ ต่อการเสนอชื่อนายเศรษฐา ก็จะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองลำดับที่ 3 และลำดับที่ 4 ซึ่งก็จะเป็นหน้าที่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมีการเสนอชื่อเข้ามาอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเสนอชื่อบุคคลใดมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะต้องผ่านการตรวจสอบจาก สว.ในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
"กระแสข่าวที่สว. อาจไม่ให้ความเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี รู้สึกหนักใจแทน เพราะทั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ต่างออกมาเปิดเผย และร้องเรียนนายเศรษฐา ในหลายกรณี ดังนั้น สว.จึงต้องมีการพิจารณาถึงคุณสมบัติ ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างรอบคอบ แม้จะดีที่สุดไม่ครบ 100% แต่ก็จะต้องให้ความสำคัญกับจริยธรรมของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง "
เขา กล่าวว่า คาดการณ์แนวทางการในลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ว่า ในการลงมติครั้งนี้ น่าจะมีผู้ที่ลงมติเห็นชอบ และไม่เห็นชอบเท่านั้น สว.ที่จะลงมติงดออกเสียงน่าจะน้อย ส่วนแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยยังคงไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลนั้น มองว่า ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองจะไปหารือกัน แต่เชื่อว่า การปฏิบัติหน้าที่ไม่น่าจะถึงครบ 4 ปี และมีหน้าที่หลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ก็จะยุบสภาไปในที่สุด