‘จัดตั้งรัฐบาล’ 212 เสียง ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ ชูธงแก้ ‘รัฐธรรมนูญ’
สาระสำคัญ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ จับมือประกาศ ‘จัดตั้งรัฐบาล’ 212 เสียงเป็นสารตั้งต้น ชูธงแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อผ่าทางตันระบบการเมือง ที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้ง “เพื่อไทย” ที่มี 141 เสียง และ “ภูมิใจไทย” ที่มี 71 เสียง นำโดยแกนนำ 2 พรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย,ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย,ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย,พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ตั้งโต๊ะแถลงจับมือกัน “จัดตั้งรัฐบาล” 212 เสียง เป็นสารตั้งต้น ก่อนจะแสวงหาความร่วมมือจากวุฒิสมาชิก(สว.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร(สส.) เพิ่มเติม เพื่อให้เพียงพอ 376 เสียงในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นในอนาคต
เรียกได้ว่าเป็นการฟอร์มรัฐบาล ที่ใช้เวลารวดเร็วภายในสัปดาห์ หลังไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วมในการ “จัดตั้งรัฐบาล” เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2566 จนถึงวันนี้(7 ส.ค.)ที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่แถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างเป็นทางการ หลังมีกระแสดีลลับมายาวนาน
แถลงการณ์ 2 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
คำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมกัน “จัดตั้งรัฐบาล” โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากหลายพรรคการเมือง ซึ่งขณะนี้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังคงต้องการเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ และเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว
รัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้ แม้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้นเรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ
เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
1. ยึดวาระของประเทศ และประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
2. จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.
3. ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
4. จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
5. การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากนี้ เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมือง ทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้
เรียกได้ว่าหมุดหมายสำคัญ หวังผ่าทางตันการเมืองไทย ในการ "จัดตั้งรัฐบาล" 212 เสียง 2 พรรคการเมืองใหญ่ ‘เพื่อไทย-ภูมิใจไทย’ ชูธงแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 นั่นเอง