'นักวิเคราะห์' ฟันธง 'พล.อ.ประวิตร' ตาอยู่ เสียบนายกรัฐมนตรี ดันฝันเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทย อาจจะหนาว นักวิเคราะห์ทางการเมือง รองศาสตราจารย์ยุทธพร อิสรชัย จาก มสธ. มองการโหวตนายกรัฐมนตรี 22 ส.ค. อยู่ในอัตราเสี่ยงที่จะล้มกระดานเพื่อไทย ดับฝัน "เศรษฐา" สมการยามนี้ โอกาสไหลไปสู่ "พล.อ.ประวิตร" แห่งพลังประชารัฐ โอ่การเมืองไทยสุดฉงน ก้าวไกลชนะแต่แห้ว
รองศาสตราจารย์ยุทธพร อิสรชัย ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ( มสธ. ) ให้ทัศนะว่า แม้ว่าพรรคเพื่อไทย จะดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วมสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็เห็นว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 22 ส.ค. โอกาสที่จะโหวตผ่านยัง 50:50 และยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถโหวตนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะอาจจะมีเรื่องการเมืองในสภา โดยเฉพาะประเด็นที่อาจจะหยิบยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และขอให้โหวตเพื่อกลับไปแก้มติเมื่อวันที่ 19 ก.ค. จนนำไปสู่เหตุการณ์ที่คล้ายกับ 2 สัปดาห์ก่อน จนต้องปิดประชุม
ขณะเดียวกันแม้ว่าจะมีเสียงสส.ที่มาสนับสนุนเพิ่มให้กับ เพื่อไทย ทั้งจากพลังประชารัฐ และ รวมไทยสร้างชาติ แต่ปัจจัยชี้ขาดยังอยู่ที่ สมาชิกวุฒิสภา ( สว.) ต้องหาเสียงให้ได้ 376 เสียง ยังไม่มั่นใจว่าเพื่อไทย จะได้เสียง สว.ตามนั้นหรือไม่ เพราะพรรคเพื่อไทยยังคิดเงื่อนไขหลายอย่าง โดยเฉพาะชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ยังมีประเด็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ต้องชี้แจงกับสังคม และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายคนมองว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเป็นการปิดโอกาส นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล แต่ความจริงแล้ว ยังเป็นแรงกดดันของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน เพราะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตในโหวตนายกรัฐมนตรี 1 คน เพียงครั้งเดียว เท่านั้น
"ตอนนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้งานได้ขณะนี้มีเพียง 4 คน คือ คุณเศรษฐา ทวีสิน , คุณแพรทองธาร ชินวัตร , คุณอนุทิน ชาญวีรกูล , และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หาก คุณเศรษฐา โหวตไม่ผ่าน โอกาสที่จะเป็น น.ส.แพรทองธาร ก็ยังไม่แน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่เสนอชื่อ น.ส.แพรทองธาร มาในสถานการณ์ที่เสี่ยงแบบนี้ จึงเป็นไปได้สูงที่ว่านายกรัฐมนตรีจะไหลไปสู่ขั้วอำนาจเดิม คือ คุณอนุทิน หรือ พล.อ.ประวิตร "
"เพื่อไทย"เดินหมากผิด ตกเป็น "ลูกไล่"
เขา กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคแกนนำที่ไม่ได้นำจริง ๆ เพราะท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทยต้องยอมรับทุกเงื่อนไข และทุกการต่อรองจากบรรดาขั้ว 188 เสียง ทั้งเก้าอี้รัฐมนตรี และ เผชิญกับ สว.250 เสียง การเดินหน้าของพรรคเพื่อไทย วันนี้ตอบโจทย์ถูก แต่ตั้งโจทย์ผิด เพราะมุ่งไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เสียง ทั้งการดึงพรรค 2 พลังประชารัฐ , รวมไทยสร้างชาติ ปล่อยมือ ก้าวไกล แม้กระทั่งการสละจุดยืนของตัวเองที่เคยพูดไว้ในการหาเสียง จึงทำให้พรรคเพื่อไทยติดหล่ม เหมือนวิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ไปไหน เพราะไม่ใช่โจทย์ที่ถูกต้องของเพื่อไทย
อย่างไรก็ตามหากพรรคพลังประชารัฐ หรือ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคใดพรรคหนึ่ง มาด้วยความจริงใจ อาจจะได้เห็นเสียง สว. อย่างน้อย 100 เสียง โหวตให้นายรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย แต่โจทย์ใหญ่คือความจริงใจจากทั้งสองพรรค แม้จะได้เสียง สส.ถึง 250 แต่ เสียง สว.อาจจะไม่ได้ตามนั้น และมองว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีเกมบีบให้ชื่อนายกรัฐมนตรี ไปถึง พล.อ.ประวิตร
รองศาสตราจารย์ยุทธพร อิสรชัย ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ( มสธ. )
"ก้าวไกล"ชนะเลือกตั้ง "พิธา"ชวด
.
"คำถามคือ วันนี้เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จากวันที่ 14 พ.ค. ที่ประชาชนไปเลือกตั้ง และพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศเป็นนายกรัฐมนตรี จนมาถึงวันที่ถูกสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ กระทั่งพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และอีกหลายเหตุการณ์ ที่เดินมาจนเหลืออีกก้าวเดียวจะถึง พล.อ.ประวิตร จึงไม่สามารถประมาทหรือปฏิเสธได้ว่า พล.อ.ประวิตรจะไม่มีชื่อในสมการนี้ และส่วนตัวยังมองอีกว่าอาจจะไม่ได้นายกรัฐมนตรีภายในเดือน ส.ค. นี้ เพราะการเมืองวันนี้ยังมีความไม่ลงตัวกันอยู่"
เขา กล่าวด้วยว่า ไม่คิดว่าสมการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของการปรองดองสมานฉันท์จริง แต่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ คล้ายกับการชวนพรรคก้าวไกล ร่วมปิดสวิตซ์ สว. และแม้จะทำได้จริง สุดท้ายเพื่อไทยก็จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่ดี ส่วนการที่บอกว่าจะให้พรรรก้าวไกล มาคอยช่วยเหลือ ตนมองว่าหลักการของระบบรัฐสภาไม่ถูกต้อง เพราะฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับเรื่องรัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลพิเศษหรือรัฐบาลก้าวข้ามความขัดแย้ง สลายขั้ว สุดท้ายกระบวนการที่ไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน