'ณัฐชา' แฉ ดีลลับไฟเขียว สว.โหวต 'เศรษฐา' บ่ายโมง
'ณัฐชา' เชื่อดีลลับส่งสัญญาณให้ สว. โค้งสุดท้ายก่อนโหวต 'เศรษฐา' จับตา 35 รมต. เห็นภาพชัดใครต่อรองตำแหน่งบ้าง ส่วนรองปธ.สภาฯ 'หมออ๋อง' ทำต่อ แต่งง 'ก้าวไกล' อยู่สถานะไหน ขออะไรไม่เคยได้
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล เชื่อเลือก นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น สว. มีการเจรจากันช่วงสุดท้ายก่อนโหวต เนื่องจากเช้าวันนั้น ได้พูดคุยกับเพื่อนๆ สว. ที่รู้จักหลายคน ยังไม่มีสัญญาณมา จนกระทั่ง 11.00น. ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าจะโหวตให้นายเศรษฐาหรือไม่ หรือ สว.บางคนยังคงอภิปรายในลักษณะที่ไม่เห็นชอบนายเศรษฐา มาโค้งสุดท้ายประมาณ 13.00น. มีสัญญาณไฟเขียวจะโหวตให้นายเศรษฐา ดังนั้นระหว่าง 11.00-13.00 น. เกิดอะไรขึ้น เชื่อว่าจะต้องมีการเจรจารอบนอกแน่นอน และปฏิเสธไม่ได้ว่า การจับมือของพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติมีเรื่องของ สว. เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน
ส่วนการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ นายณัฐชา กล่าวว่า มอบอำนาจไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร แต่ครั้งนี้ถือเป็นอำนาจใหม่ที่ประชาชนเคลือบแคลง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และได้ยึดครองอำนาจมานานกว่า 9 ปี ก่อนจะส่งมอบให้กับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง จึงยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยในหลายๆขั้นตอน
ส่วนการอ้างนิมิตรใหม่ที่ดีของพรรคขั้วตรงข้ามมาอยู่ในรัฐบาลเดียวกัน นายณัฐชา มองว่า คำว่าสมานฉันท์ปรองดองเป็นความหมายที่ดี แต่ต้องดูเบื้องหลังการสมานปรองดองของ คนที่ขัดแย้งกันมานานกว่า 10 ปี สุดท้ายจับมือกันและบอกทลายความขัดแย้ง ซึ่งมองว่า ต้องมีข้อเจรจาที่ตกลงกันได้ แต่คืออะไร ประชาชนยังไม่ทราบ
ทั้งนี้ขอให้ดูหน้าตารัฐมนตรีทั้ง 35 คน ออกมาก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่า มีการเจรจาต่อรองตำแหน่งใดใดบ้าง ส่งผลกระทบกับประชาชนอะไรบ้าง และจะเป็นคำตอบให้กับประชาชนว่า รัฐบาลชุดนี้วางอยู่บนความไว้วางใจของประชาชนได้หรือไม่
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เคยประกาศไว้ว่าจะตั้ง สสร. มาแก้ไขทั้งฉบับนั้น ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่เคยบอกว่า จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่วาระแรก แต่จะทำได้อย่างแน่นอน ถ้ามีความตั้งใจ แต่ความจริงใจต้องพิสูจน์จากที่มาของสสร. ที่ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100%
ส่วนตำแหน่งของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 นั้น นายณัฐชา กล่าวว่า ยังต้องให้นายปดิพัทธ์ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากเป็นกลไกที่ได้มาโดยชอบ การเลือกตั้งของที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนกติกาที่ว่าพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถเป็นประธานหรือรองประธานสภาได้นั้น
ฉะนั้นตอนนี้พรรคก้าวไกลอยู่ในสถานะก้ำกึ่ง จะพูดว่าเป็นฝ่ายค้านก็ไม่ได้เต็มปาก เพราะได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ขอประธานสภาฯก็ถูกกีดกัน ขอนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ ล่าสุดขอเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้เป็น ต่อมาจะขอเป็นฝ่ายค้านก็ยังโดนกฎกติกาต่างๆ สถานการณ์ต่อจากนี้พรรคก้าวไกลคงจะเป็นฝ่ายค้านโดยการกระทำ หรือ พฤตินัย แต่นิตินัยยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากยังคงสนับสนุนให้นายปดิพัทธ์ ทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มความสามารถ เพราะเคยแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและต่อการพัฒนาสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของผู้นำฝ่ายค้านนั้นเราเห็นว่าเป็นเรื่องลำดับรองลงไป ประกอบกับหัวหน้าพรรคที่จะต้องมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายค้านก็ยังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่อีก เพราะฉะนั้นเรายังคงไม่ได้เรียกว่าเป็นหนังเต็มรูปแบบโดยนิตินัย
เมื่อถามว่าอาจจะต้องยกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านให้พรรค รองลงมา คือ พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ โดยกฎกติกา ไม่สามารถทำได้ ต้องเป็นพรรคอันดับ1 และตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์ก็มีการแสดงออกที่หลากหลาย ส่วนจะต้องคุยกันหรือไม่ ฝ่ายค้าน ไม่ต้องประกาศจัดตั้งอยู่เป็นทางการ หรือลงนาม และยังไม่วางตัวบุคคลจัดสรร พรรคใดได้กรรมธิการชุดใด หลังจากนี้จะเลือกและสรรหา เบื้องต้นได้ 12 คณะ จากจำนวน สส.ก้าวไกล 151 เสียง