เปิดคำ 'แถลงนโยบายรัฐบาล' เศรษฐา ร่ายยาว 'เงินดิจิทัล 10,000' มาแน่
นายกฯ 'เศรษฐา' ประเดิม 'แถลงนโยบายรัฐบาล' เป้าหมายแรกกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วย 'เงินดิจิทัล 10,000' - พักหนี้เกษตรกร - ลดค่าครองชีพ
การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อ “แถลงนโยบายรัฐบาล” ต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. โดยประธานรัฐสภา ได้ชี้แจงเวลาในการอภิปราย ซึ่งจะใช้เวลาทั้งหมด 30 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย. 2566 แบ่งเป็น ครม. 5 ชั่วโมง, สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 5 ชั่วโมง, พรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดฉากแถลงนโยบายรัฐบาล “ครม.เศรษฐา” เป็นเอกสาร 43 หน้า โดยแบ่งเป็นคำแถลงนโยบาย 14 หน้า ส่วนที่เหลือเป็นภาคผนวก ซึ่งสาระสำคัญของนโยบายที่นำเสนอกรอบการทำงานของรัฐบาลแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว
นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง และยังถูกซ้ำเติมด้วยโควิด-19 ประกอบกับปัญหาสังคมการเมืองที่ยังคงยืดเยื้อ ฝังรากลึก และ ยังไม่ได้มีการแก้ไขอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโลก และประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งความท้าทายเหล่านี้ เป็นปัจจัยที่ก่อปัญหาความยากจนความเหลื่อมล้ำ ขาดความพร้อมที่จะเจริญเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดเป็นเป้าหมายของรัฐบาล ที่ต้องแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยวางกรอบไว้ 3 ระยะ คือระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว
- ระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นค่าใช้จ่ายด้วยนโยบาย “เงินดิจิทัล 10,000” ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
นอกจากนี้ จะเดินหน้านโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สิน ทั้งในภาคเกษตร ธุรกิจ ภาคประชาชน ด้วยการพักหนี้เกษตรกร ตามเงื่อนไข ช่วยประคองภาระหนี้ และต้นทุนทางการเงินสำหรับประชาชน ครอบคลุมไปถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ภายใต้ปรัชญาที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินการคลังและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม
นโยบายเร่งด่วนถัดมา คือการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ทั้งค่าไฟ, ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ในระดับที่เหมาะสม
ขณะเดียวกันจะผลักดันนโยบายที่กระตุ้นการท่องเที่ยว เป็นกุญแจดอกแรก ที่จะสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และสร้างงานให้ประชาชนจำนวนมาก พร้อมเปิดประตูรับนักท่องเที่ยว ด้วยการอำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการขอวีซ่า
และสุดท้ายจะมุ่งแก้ปัญหาความเห็นต่าง โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่แตะต้องหมวดพระมหากษัตริย์
- ระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลมีแนวทางที่จะสร้างรายได้ ทั้งการเปิดประตูสู่การค้าตลาดใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มสหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ จะสร้างมูลค่าเพิ่มทางสินค้า เพื่อดึงดูดการลงทุน รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในประเทศ ทั้งทางถนน ทางน้ำ ทางราง และอากาศ พร้อมทั้ง ดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าที่ถูกกฎหมายตามแนวชายแดนเพื่อสร้างเงินสร้างงาน สร้างรายได้
อีกทั้ง จะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรทั้งประเทศให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลา 4 ปี ช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยการยกเลิกปรับปรุงกฎหมายที่ไม่จำเป็น เช่น ปลดล็อก กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสุราพื้นบ้าน
นายเศรษฐา ยังกล่าวต่อด้วยว่า เราจะบริหารในรูปแบบของการกระจายอำนาจ คือผู้ว่าฯ ceo ในการสร้างประสิทธิภาพในการ บริหารงานในแต่ละจังหวัด ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน และเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย โดยรัฐบาลจะนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสถัดจากช่องโหว่ในการทุจริต นอกจากนี้ จะมีการเลือกตัวแทนของผู้บริหารเป็นตัวแทนการพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดเมืองนอน รัฐบาลนี้จะมีนโยบายสนับสนุนการสร้างซอฟพาวเวอร์ ส่งเสริมหนึ่งครอบครัวหนึ่งทักษะซอฟพาวเวอร์
ส่วนเรื่องของการศึกษารัฐบาลจะดำเนินนโยบายปฏิรูปการศึกษาให้เป็นสังคมแบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องกระจายอำนาจการศึกษาให้ผู้เรียนได้เข้าถึงการเรียนรู้อย่างทั่วถึง พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของครูทั่วประเทศ
ขณะที่ด้านของความปลอดภัย รัฐบาลจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด ให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึดหลักการเปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย และหลังจากการบำบัด พัฒนาความสามารถให้เข้าสู่ภาคแรงงานส่วนผู้ผลิต ส่วนผู้ผลิตและผู้ค้า ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม เราจะใช้มาตรการจริงจัง ยึดทรัพย์เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด นอกจากนี้ รัฐบาลจะดำเนินแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพเพื่อสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ
“เรื่องของระบบสาธารณสุข เราจะรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เราจะยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้รับความสะดวกมากขึ้น ด้วยบริการพื้นฐานใกล้บ้าน ประชาชนไม่ต้องลำบากเดินทางไกล อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วย "สวัสดิการโดยรัฐ"
นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า หากมองอนาคต 4 ปีข้างหน้า จะเป็น 4 ปีที่รัฐบาลจะวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศ โดยยึดหลักนิติธรรมที่เข้มแข็งและน่าเชื่อถือ อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ขณะที่การบริหารค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินนโยบายรัฐบาล การรักษากรอบวินัยการเงินการคลังของประเทศอย่างเคร่งครัด