มติร่วม ก้าวไกล 'ผู้นำฝ่ายค้าน'ต้องมาก่อน - ลงเอย แยกทาง ปดิพัทธ์
ปิดฉากมหากาพย์ ตำแหน่ง "ผู้นำฝ่ายค้าน" บนความรับผิดชอบ ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน กับ ตำแหน่ง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส. พรรค ผลหารือก้าวไกล เห็นตรงกัน เพื่อทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์แบบไร้รอยต่อ ส่งให้ สส.พิษณุโลก ต้องออกจากพรรค
พรรคก้าวไกล ได้ออกแถลงการณ์บนพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ โดยมีสาระสำคัญคือ มติพรรคก้าวไกล ที่เห็นตรงกัน ต่อการที่พรรคก้าวไกล จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ ภายใต้การนำของนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านโดยตำแหน่ง ซึ่งด้วยการตัดสินใจดังกล่าว ทำให้พรรคก้าวไกล เห็นตรงกันว่า สมาชิกพรรค ณ เวลานี้คือ นาย ปดิพัทธ์ สันติภาดา ควรพ้นจากสมาชิกภาพ เพื่อที่ อดีตสส.พิษณุโลก จากพรรคก้าวไกล จะไปทำหน้าที่ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ตามเจตนารมณ์ ของเจ้าตัวที่ต้องการปกป้องงานในสายรัฐสภา ไม่เกิดเป็นข้อขัดแย้งกับทางพรรคก้าวไกล
แถลงการณ์พรรคก้าวไกล กรณีให้ ปดิพัทธ์ สันติภาดา พ้นจากสมาชิกภาพ
.
เรียนพี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศ
.
นับจากนี้ไป พรรคก้าวไกลจะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานเต็มที่ในฐานะ "ฝ่ายค้าน" เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้า และเตรียมความพร้อมในการเป็นรัฐบาลที่ดีของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งถัดไป
.
ในวันนี้ (28 ก.ย. 2566) คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล จึงได้ประชุมร่วมกัน เพื่อวางแนวทางการทำงานที่รองรับเป้าหมายของพรรค ดังต่อไปนี้:
.
1. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นตรงกันว่า พรรคก้าวไกลควรเดินหน้าเป็น "ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์" ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โดยให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ ชัยธวัช ตุลาธน รับตำแหน่ง "ผู้นำฝ่านค้านในสภาผู้แทนราษฎร" เพื่อกำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน
.
2. ที่ประชุมร่วมฯ เข้าใจว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ สส. จากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ มาตรา 106
.
3. ที่ประชุมร่วมฯ รับทราบจากหัวหน้าพรรคว่า ทางคณะกรรมการบริหารพรรคได้หารือประเด็นดังกล่าวกับ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคก้าวไกลแล้ว โดย ปดิพัทธ์ ได้แสดงความประสงค์ว่าต้องการทำหน้าที่ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อผลักดันให้สภา มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ก่อนหน้า รวมถึงเพื่อช่วยผลักดันให้กระบวนการตรวจรับอาคารรัฐสภา ซึ่งมีสัญญาก่อสร้างมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท มีความโปร่งใส
.
.
4. ที่ประชุมร่วมฯ เห็นด้วยว่าภารกิจที่ปดิพัทธ์ ตั้งใจขับเคลื่อนจะนำไปสู่การยกระดับการทำงานของสภา และเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ที่ประชุมร่วมฯ ยังคงยืนยันถึงความสำคัญของการทำหน้าที่เป็น "ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์" ซึ่งจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หาก ปดิพัทธ์ ยังคงดำรงสถานะเดิมในฐานะรองประธานสภา จากพรรคก้าวไกล
.
5. ที่ประชุมร่วมฯ จึงมีมติว่า ในเมื่อ ปดิพัทธ์ ยังคงยืนยันความประสงค์ จะทำงานในฐานะรองประธานสภาต่อ พรรคก้าวไกล จึงจำเป็นต้องให้ปดิพัทธ์ ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกล ตามบทบัญญัติแห่งข้อบังคับพรรคก้าวไกลและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่เป็น "ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์" ได้ อันเป็นเงื่อนไขที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของพรรคหลังจากนี้
.
.
6. ที่ประชุมร่วมฯ หวังว่า แม้ ปดิพัทธ์ จะไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอีกต่อไป แต่เขาจะยังขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ ก่อนถูกรับเลือกโดยสภาผู้แทนราษฎร และต้องวางตนเป็นกลางต่อทุกพรรคการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ถูกกำหนดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 80
.
พรรคก้าวไกลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคน มาร่วมกับเราในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปด้วยกัน