'วิปรัฐบาล' เตรียมยื่นองค์กรอิสระ-ศาลรธน. กรณี 'หมออ๋อง' ถูกขับออกจากพรรค
'วิปรัฐบาล' มีมติส่งเรื่อง 'หมออ๋อง' ถูกขับออกจากพรรค ให้องค์กรอิสระ-ศาล รธน. วินิจฉัย เหตุไม่ได้ขัดข้อบังคับพรรค ส่วน กมธ. 'ก้าวไกล' เสียให้ 'รวมไทยสร้างชาติ' 1 คณะ
จับตาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้ ทางวิปรัฐบาลจะเสนอ 2 ญัตติสำคัญ คือ 1.ปัญหาน้ำท่วม 2.ความเหมาะสมการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 หลังถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล
นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้ยกข้อบังคับของพรรคก้าวไกลที่ 64(5) เรื่องการขับออกจากพรรคได้ ต้องมีความผิดวินัย ผิดจรรยาบรรณร้ายแรง เมื่ออ่าน จึงรู้ว่าไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรค ไม่ได้มีเจตนาขับออก
ส่วนที่ประชุมวิปรัฐบาลมติจะไม่เสนอญัตติด่วน เพื่อให้สภาพิจารณากรณีความเหมาะสมต่อการดำรงตำแหน่งของ นายปดิพัทธ์ เนื่องจากกังวลว่าจะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลตีกิน และถูกมองว่าสภา ใช้เสียงข้างมากลากไป แต่พิจารณาเห็นว่าควรยื่นองค์กรที่เป็นกลาง คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นจริยธรรม โดยให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะฝ่ายกฎหมาย พิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง
ส่วนจะยื่นคณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในเรื่องจริยธรรมหรือไม่นั้น ต้องศึกษารายละเอียดก่อน เกรงซ้ำกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ที่ยื่นร้องให้สอบการกระทำของนายปดิพัทธ์ ที่ถูกมองว่าเป็นกระบวนการสมคบคิดกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เบื้องต้นความชัดเจนจะทราบเร็วๆนี้
เมื่อถามว่า หากสัปดาห์นี้นายปดิพัทธ์ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมสภา นายอดิศร กล่าวว่า ยังเป็นประธานที่เคารพอยู่ แต่ทราบว่ามีคนตั้งฉายาไว้รอท่านแล้ว
สำหรับสัดส่วนการแบ่งกรรมาธิการ นายอัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะกรรมการวิปรัฐบาล เปิดเผย ที่ประชุมวิปรัฐบาลมีความเห็น กรณีพรรคก้าวไกลขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ทำให้มี สส.ลดลง 1 คน ดังนั้นคำนวนตามสัดส่วนคณิตศาสตร์ ทำให้จำนวนคณะกรรมาธิการสัดส่วนของพรรคก้าวไกลจาก 11 เหลือ 10 คณะ โดยพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้เพิ่มจาก 2 คณะเป็น3 คณะ และสัดส่วนของกรรมาธิการธรรมดา พรรคก้าวไกล เดิมจาก 159 คน เหลือ 158 คน จึงไปเพิ่มให้กับพรรคประชาชาติ จาก 9 เป็น 10 คน
นายอัครเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีการพูดคุยกัน หากพรรคก้าวไกลไม่ยินยอม ก็จะไปโหวตกันในที่ประชุมสภาฯใหญ่ ซึ่งเราไม่อยากให้ถึงขั้นโหวตอยากให้ตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนประธานกรรมาธิการ ก็จะไปโหวตในที่ประชุมกรรมาธิการของแต่ละคณะ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ตุลาคม นี้