ข่าว

'โฆษกรัฐบาล' เล่าสาเหตุ 'นายกฯ' เสนอชื่อ 'บิ๊กต่อ' เป็น ผบ.ตร.

'โฆษกรัฐบาล' เล่าสาเหตุ 'นายกฯ' เสนอชื่อ 'บิ๊กต่อ' เป็น ผบ.ตร.

05 ต.ค. 2566

'โฆษกรัฐบาล' ยืนยัน 'นายกฯ' แต่งตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็น ผบ.ตร. ตามกฎหมาย ไม่ข้ามหัวอาวุโส ยืนยันไม่มีลุอำนาจ-รับฟังรอบด้านแล้ว

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และก.ตร.คนอื่น ๆ รวมแล้ว 10 คน กรณีแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมิชอบ เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงหลักอาวุโส ตามที่กฎหมายกำหนด 

นายชัย กล่าวว่า ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. จะต้องเป็นรองผบ.ตร. หรือจเรตำรวจ ซึ่งการพิจารณาวันนั้น มีบุคคลที่มีคุณสมบัติคือรองผบ.ตร. 4 ท่าน ซึ่งเกณฑ์ในการคัดเลือกให้ยึดลำดับอาวุโส และความรู้ความสามารถ 

 

โดยกฎหมายก่อนนี้ระบุว่า ให้ยึดเพียงอาวุโสเป็นหลัก แต่พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 ให้พิจารณาเรื่องความรู้ความสามารถด้วย ให้นายกฯเป็นผู้เสนอชื่อ และที่ประชุม ก.ตร.เป็นผู้ลงมติโหวต จากข้อเท็จจริงแคนดิเดตทั้ง 4 คน ในแง่อาวุโสนั้นมี 2 ระดับ คือ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ มีความอาวุโสสูงที่สุดและมากกว่าอีก 3 คน 1 ปีเท่ากัน 

นายชัย กล่าวต่อว่า ก่อนที่นายกฯ จะเสนอชื่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เปิดให้ก.ตร.แสดงความคิดเห็นถึงความรู้ ความสามารถของแคนดิเดตแต่ละท่านว่าเป็นอย่างไร รวมถึงให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ในขณะนั้น เป็นผู้นำเสนอในฐานะผู้บังคับว่าแคนดิเดตแต่ละคนเป็นอย่างไร ซึ่งนายกฯได้รับรู้อย่างรอบด้านและประเมินแล้วว่า ความแตกต่างทางอาวุโสห่างกันเพียงปีเดียว เมื่อรับฟังความรู้ความสามารถ จึงได้เสนอ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และที่ประชุมก็เห็นชอบกับข้อเสนอนี้

 

เมื่อเทียบข้อเท็จจริงกับกฎหมาย การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่มีปัญหา ถูกต้องตามหลักกฎหมายทุกประการ ข้อเท็จจริงมีความชอบธรรม สมเหตุสมผล นายกฯไม่ได้ลุแก่อำนาจ ยึดตามหลักกฎหมาย และรับฟังอย่างรอบด้านแล้วจริงๆ

 

เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายชัย กล่าวว่า จะให้ไปชี้แจงที่ไหนก็ทำได้ ไม่ใช่เฉพาะนายกฯแต่คนที่นั่งอยู่ห้องประชุมเขารู้ว่าอะไรเกิดขึ้น สามารถชี้แจงได้ทุกคน

 

ส่วนเรื่องนี้ นายกฯบอกแต่เพียงว่า นึกไม่ถึงจะเป็นปัญหา และมันไม่ควรจะเป็นเรื่อง ทำให้เสียเวลา เสียสมาธิในการทำงาน แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วสังคมก็อยากจะรู้จึงให้ตนมาชี้แจงทำความเข้าใจ