' รสนา ' ร้อง 'กกต. ' สรุป 6 ข้อ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ทำการเงิน การคลังวิบัติ
มหากาพย์ "ดิจิทัลวอลเล็ต" รายวัน อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร "รสนา โตสิตระกูล"ร่วมเเคลื่อนไหวเพื่อค้านโครงการนี้ ยื่นหนังสือต่อประธานกกต. ขอให้นำเรื่องนี้มาศึกษา สับเข้าข่ายซุกหนี้สาธารณะ ที่ไปโยนภาระให้ธนาคารออมสิน ย้ำชัดเข้าข่ายให้งบประมาณรัฐบาลหาเสียง
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายใน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ยื่นหนังสือต่อประธานกกต.เพื่อขอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับโครงการ"ดิจิทัลวอลเล็ต" ของรัฐบาล หลังจากที่ได้ไปยื่นให้ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งมีอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2561 มาตรา 8 ในกรณีที่เห็นว่านโยบายของรัฐบาล อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านงบประมาณและวินัยการเงินการคลัง ก็สามารถที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ได้
หากพบว่าผิดก็สามารถที่จะเชิญประธาน กกต. และ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มาประชุมเพื่อพิจารณาและทำรายงานเสนอให้รัฐบาลล้มเลิกโครงการนี้ การเสนอเรื่องนี้เพื่อให้สื่อและประชาชนทราบว่า ขณะนี้มีกฎหมายใหม่ ที่จะสามารถหยุดยั้งกระบวนการที่ไม่ชอบ และเห็นว่า "ดิจิทัลวอลเล็ต" เป็นเรื่องที่ควรร่วมกันล้อมคอกก่อนวัวหาย เพราะที่ผ่านมามักจะล้อมคอกเมื่อวัวหายไปแล้ว
น.ส.รสนา ระบุว่า มีเหตุผล 6 ประการ ที่ "ดิจิทัลวอลเล็ต" จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของรัฐและอยากให้ตรวจสอบ คือ
1) ผลได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งนักวิชาการและอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ออกมาแสดงความคิดเห็น โดยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลมาแจก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะการบริโภค แต่ควรนำไปทำนโยบายที่ยั่งยืนและเกิดผลระยะยาวมากกว่า
.
2) ขัดต่อพระราชบัญญัติเงินตราเนื่องจากการแจกเงินดิจิตอลโทเคน ยังเกิดความสับสนว่าเป็นเงินตราสกุลใหม่ หรือเป็นสิทธิการใช้เงินแบบดิจิทัล ซึ่งอาจจะเป็นการสำแดงที่ไม่จริง สำแดงว่าเป็นเงินดิจิทัล แต่จริงๆ เป็นระบบเงินใหม่
.
3 ) เพิ่มความสิ้นเปลืองแก่ประเทศโดยไม่จำเป็น โดยเห็นว่าการสร้างระบบใหม่อย่างบล๊อคเชน เป็นการใช้เงินมหาศาล และหากทำโครงการนี้แล้วไม่ทำอะไรต่อเนื่องเป็นการเสียเงินเปล่า ทั้งที่ดิจิทัลวอลเล็ตมีอยู่แล้ว และการจะนำเงินภาษีมาใช้เพื่อทำบล๊อคเชนก็เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ
.
4) หลีกเลี่ยงหลักการใช้เงินแผ่นดิน โดยระบุว่าจะใช้เงินแผ่นดิน จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 140 ที่ระบุว่าจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมานให้ที่ประชุมรัฐสภายอมรับ แต่การที่รัฐบาลจะแจกเงินตั้งแต่เดือนเม.ย.แสดงว่าจะไม่นำเรื่องนี้เข้าสู่งบประมาณ
รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร
5)ซุกหนี้สาธารณะ ดูจากรัฐบาลประกาศจะใช้ธนาคารออมสินกู้เงินแทน แล้วนำเงินมาใช้ เห็นว่าน่าจะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและซุกหนี้สาธารณะ และเชื่อว่าธนาคารออมสินก็ไม่น่าจะมีหลักการในลักษณะดังกล่าว
.
6) ขัดกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มาตรา 9 วรรค 3 โดยรัฐบาลจะต้องไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินไปใช้ในการหาเสียง ซึ่งการแจกเงินให้เด็กอายุ 16 ปี ขึ้นไป คิดว่าเป็นการหาเสียงทางการเมือง เด็กอายุ 16 ปี อีก 4 ปีข้างหน้า ก็อายุ 20 ปี และการแจกเงินให้คนทั้งหมดโดยไม่เลือก น่าจะขัดต่อระเบียบและกฎหมาย
จากเหตุผล 6 ข้อดังกล่าว ส่งผลให้โครงการฯน่าจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งพระราชบัญญัติเงินตรา ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจและการเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าว มีความพยายามหลีกเลี่ยงเข้าสู่กระบวนการงบประมาณ ทั้งที่รัฐบาลยืนยันหนักแน่นว่าจะเริ่มแจกเงินตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 ก็มีความชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ต้องการที่จะนำโครงการนี้เข้าสู่กระบวนการงบประมาณของรัฐสภาใช่หรือไม่ ดังนั้นหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบน่าจะตรวจสอบได้ และถ้าพบว่าไม่ปกติหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็มีอำนาจในการที่จะสั่งการในเรื่องนี้ต่อไป
รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร ยื่นหนังสือต่อประธานกกต.เพื่อขอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับโครงการ"ดิจิทัลวอลเล็ต" ของรัฐบาล