ข่าว

สาเหตุ 'ส่วยรถบรรทุก' ไม่เคยหาย ผลประโยชน์มหาศาล

สาเหตุ 'ส่วยรถบรรทุก' ไม่เคยหาย ผลประโยชน์มหาศาล

09 พ.ย. 2566

'วิโรจน์' มอง 'ส่วยรถบรรทุก' ไม่ฟื้นคืนชีพ เพราะไม่เคยหาย แม้แฉลากไส้ แต่ผลประโยชน์เป็นทอดๆ จี้ 'นายกฯ' ปฏิรูปทั้งระบบ ไม่ใช่ทีละเรื่อง

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  กล่าวถึง "ส่วยรถบรรทุก" ที่กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังพบสติกเกอร์รูปดาวสีเขียวติดบริเวณหน้ารถที่ถนนทรุดว่า ทราบจากผู้กำกับการ สน.พระโขนงว่า ติดเพื่อเป็นการหารถของบริษัทตัวเองเจอได้ง่าย ซึ่งขอถามกลับไปยังผู้กำกับว่าถ้าเขาเล่ามาเช่นนั้น เขาก็มีสิทธิ์ที่จะเล่า ตำรวจเชื่ออย่างนั้นจริงๆหรือ มองว่าการติดตามรถของบริษัทไม่จำเป็นจะต้องติดสติ๊กเกอร์ดาวมีสีเขียว เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นชื่อบริษัทเลย และแต่ละคันก็มีเอกลักษณ์ของบริษัทไม่จำเป็นจะต้องติดดาวสีเขียว เพื่อให้หารถตัวเองง่าย


ส่วนการเทดินทิ้งก่อนช่างน้ำหนักจริง นายวิโรจน์ กล่าวว่า คนที่ต้องตอบคำถาม คือ ผู้กำกับการ สน.พระโขนง และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นอาชีพของตำรวจโดยตรงในการปกป้องพยานวัตถุ และกรณีนี้ ดิน เป็นพยานวัตถุที่สำคัญมาก 

ทั้งนี้เป็นการคืนชีพส่วยรถบรรทุกหรือไม่ หลังเงียบมาระยะหนึ่งแล้ว นายวิโรจน์ กล่าวว่า สะท้อนถึงการแก้ปัญหาไม่ได้แก้ที่รากเง้าของปัญหา ซึ่งตนเน้นย้ำมาหลายครั้ง การปราบคือการแก้ปัญหาได้ชั่วคราว แต่การแก้ไขกฎหมายที่เป็นปัญหาเอื้อให้เจ้าหน้าที่บางคนทำตัวไม่ดีรีดไถประชาชนหรือเอากฎหมายไปคุกคามประชาชนและให้เอกชนกลุ่มหนึ่งที่ยอมจ่ายผลประโยชน์ได้มีอภิสิทธิ์ทำตามอำเภอใจเหนือกฎหมาย คงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ วันนี้เข้าใจว่าสภาผู้แทนราษฎรโดยพรรคก้าวไกลและพรรคอื่น ร่วมกันตั้งกรรมธิการคมนาคมที่จะสะสางและรวบรวมกฎหมายที่เป็นปัญหาทั้งหมด เพื่อผลักดันให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎหมายต่อไป

 

นายวิโรจน์ ย้ำอีกครั้ง ส่วยรถบรรทุกไม่ได้ฟื้นคืนชีพ แต่จริงๆไม่เคยตาย เพียงหลบซ่อนไปช่วงหนึ่ง ซึ่งตนขอส่งสัญญาณไปถึงนายกรัฐมนตรี บอกว่าต้องแก้ทีละเรื่อง ตนว่าเกินจุดที่จะมาพูดอ้อมแอ้มหรือประดิฐประดอยคำแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ยังไม่ปฏิรูปตำรวจก็จะมีปัญหาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์ก็ยังเกิดขึ้นแบบนี้อยู่วันยังค่ำ แก้ไม่ได้

ส่วนปัญหาส่วยรถบรรทุกไม่เคยหายไป เพราะไม่กลัวสิ่งที่พรรคก้าวไกลออกมาเปิดโปงหรือไม่ นายวิโรจน์ ระบุว่า 
"เขาก็คงกลัว แต่เขาก็มั่นใจในเรื่องของการส่งผลประโยชน์ต่อ" ส่วยปีละ 20,000 ล้านบาท การทำทุจริตแบบนี้เป็นเครือข่ายโซ่ทุกข้อต้องเชื่อมกันหมด ดังนั้นต้องมีการส่งผลประโยชน์เป็นทอดๆ จากตำรวจรายเล็กถึงตำรวจระดับสูง  ซึ่งเรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่ขอ ผบช.น. ผบช.ก. อาจจะต้องไปถึง ผบ.ตร. ด้วย เพราะผูกพันกับการเสียชีวิตตำรวจ 2 นาย ซึ่งมีความโยงใยเกี่ยวกับส่วยรถบรรทุกอย่าง แต่จะเกี่ยวข้องตัวใหญ่ในลักษณะใด คงต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป 

 

"เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบกับเกียรติยศศักดิ์ ศรีเกียรติภูมิ ตำรวจอย่างมาก ถ้าอยากให้ประชาชนกลับมามีความไว้เนื้อเชื่อใจผมคิดว่าเรื่องนี้คงต้องจริงจัง" นายวิโรจน์กล่าว