ข่าว

'ไทยสร้างไทย' เชื่อ 'เงินดิจิทัล' ไม่ใช่ทางออก 'ปัญหาเศรษฐกิจ'

'ไทยสร้างไทย' เชื่อ 'เงินดิจิทัล' ไม่ใช่ทางออก 'ปัญหาเศรษฐกิจ'

24 พ.ย. 2566

'ไทยสร้างไทย' ไอเดียเยอะ ไม่หนุน 'เงินดิจิทัล' ที่แก้ 'ปัญหาเศรษฐกิจ' ไม่ได้ ดันนโยบายกองทุนเพื่อคนตัวเล็ก เปิดโอกาสให้หายใจอีกครั้ง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ย้ำว่า เงินดิจิทัลไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะทำให้เศรษฐกิจโตอย่างยั่งยืน จะทำให้เกิดกำลังซื้อระยะสั้นเท่านั้น แต่จะกลับไปเจอปัญหาความยากจนเหมือนเดิม ประชาชนยังต้องแบกรับความเสี่ยงจากการกู้เงินมหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท จึงต้องมีเป้าหมายที่ชัดและจำกัดจำนวนลง

ส่วนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ต้องเริ่มจากการแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดนั่นคือภาระหนี้สินของคนตัวเล็ก และ SMEs เพราะคนกลุ่มนี้คือฟันเฟืองที่สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะ SMEs รหัส21 ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นลูกหนี้ที่จ่ายเงินได้ตามปกติ ไม่มีประวัติผิดนัดชำระ

 

แต่จากเหตุการณ์โควิดส่งผลให้ไม่สามารถใช้หนี้ได้ ตัวเลขจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 มีลูกหนี้ในกลุ่มนี้สูงถึง 5.04ล้านบัญชี ยอดหนี้รวมกว่า 3.82 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2566 กว่า 7 พันล้านบาท

 

พรรคไทยสร้างไทย จึงเสนอมาตรการในการพักหนี้ ให้ SMEs 2-3 ปี ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย โดยกองทุนฟื้นฟูหนี้เสีย SMEs จะช่วยพี่น้องผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อย ที่ได้รับผลกระทบ จากคำสั่ง ล็อคดาวน์โควิด สามารถฟื้นตัวกลับมา ประกอบกิจการได้อีกครั้ง

 

กองทุนดังกล่าว จะทำหน้าที่ในการปรับโครงสร้างหนี้แล้วปล่อยกู้ใหม่ เป็นสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ชำระคืนแบบขั้นบันได โดยมีดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี

ขณะที่ปัญหาหนี้นอกระบบ ต้องมีกองทุนเครดิตประชาชน หรือกองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณ โดยแบ่งจากเงินกู้ 5 แสนล้านบาท มาใช้ใน กองทุนดังกล่าวประมาณ 2แสนล้านบาท เพื่อให้เครดิตกับประชาชน ได้มีทุนตั้งตัว ในอัตราดอกเบี้ยต่ำโดยกู้ได้ตั้งแต่ 10,000 บาท

 

หากรักษาเครดิตได้ดี ภายในระยะเวลา 6 เดือนสามารถกู้เพิ่มเติมได้ เป็น 50,000 บาท และสูงสุดถึง 1 แสนบาท ซึ่งจะเป็นการให้โอกาส คนตัวเล็กในการสร้างเนื้อสร้างตัว สามารถทำมาหากินได้ สร้างงานสร้างอาชีพในระยะยาวได้จึงจะทำให้หลุดพ้นจากวงจรของหนี้นอกระบบ ที่ดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 ต่อเดือนหรือ 240% ต่อปี ได้