ภูมิธรรม รับสภาพ ' นิด้าโพล' ชี้ 'พิธา' เหมาะเป็นนายกฯ - โอดรัฐบาลทำงานขาขวิด
ภูมิธรรม เวชยชัย จากเพื่อไทย ทำใจผลสำรวจ "นิด้าโพล" เป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับความนิยม เหนือ เศรษฐา ทวีสิน ครวญอยากให้มองที่เนื้องานของรัฐบาล ชี้ 3 เดือน เร็วไป ทีจะสำรวจความเห็นประชาชน โอด "พรรคเพื่อไทย" ยังมีปัญหากับข้อจำกัด การใช้เครื่องมือสื่อสาร โปรโมทผลงาน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ จากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจ "นิด้าโพล" โดย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ต่อ "การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาสปี 2566" โดยบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 39.40 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ มีความเป็นผู้นำ เป็นคนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ดี บุคลิกดี และเข้าถึงประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 22.35 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความรู้ความสามารถ ตรงไปตรงมา และชื่นชอบพรรคเพื่อไทย กรณีความนิยมนายพิธา ยอมรับว่า นายพิธา ยังมีความนิยมอยู่ แต่จริงๆต้องดูที่การทำงาน ซึ่งรัฐบาลนี้เข้ามาในช่วงแรกก็มีภารกิจ แต่หลังการทำงานก็ต้องดูกันว่าประชาชนจะรู้สึกหรือยอมรับอย่างไร
ความนิยมไม่เท่ากับผลงานที่รับใช้ประชาชน " เรารับฟังผลโพลทุกส่วน ที่มีทิศทางเดียวกันหรือแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือปัญหาพื้นที่ของประชาชนโดยตรง ซึ่งผมเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่ที่เราไป และประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรี เห็นว่าระยะเวลา 3 เดือน เร็วเกินไปสำหรับการสำรวจความคิดเห็นเหมือนกับที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงาน ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลเข้ามาทำงานก็พบปัญหามาก ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมา 9-10 ปี จากการรัฐประหารของประเทศ"
การดำเนินการขณะนี้ถือเป็นการปูรากฐาน โดยสิ่งที่สำคัญขณะนี้คือรัฐบาลไม่มีเงินลงทุนเกี่ยวกับงบในการดำเนินงาน ส่วนใหญ่เป็นงบประมาณประจำ เพราะงบประมาณเป็นช่วงรอยต่อ และขณะนี้งบประมาณปี 2567 กำลังจะเข้าต้นปี ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีเงินทำงาน แต่เงินที่จะสามารถจะมาดำเนินการได้ก็จะเป็นช่วงพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ที่ผ่านมาใช้เงินในการบริหาร เป็นเงินที่หามาจากแหล่งต่าง ๆ การทำงานในวันนี้คือการสร้างรากฐาน และเป็นการเตรียมพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป
"ยืนยันว่าปี 2568 จะเป็นปีที่ทุกคนจะได้เห็นว่าฝีมือการทำงาน และในช่วง 3 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาดำเนินการ ก็ได้ปูรากฐานอะไรไว้บ้าง โดยในส่วนของผมที่กำกับดูแลกระทรวงพาณิชย์ ก็ทำนโยบายเรื่องลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ซึ่งไม่มีการใช้เงินรัฐ เพราะมีการดึงบริษัทต่างๆเข้ามาช่วย เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน และหลายบริษัทก็ยอมขาดทุนเพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชน ถ้าประชาชนแข็งแรงก็จะเอื้อในเรื่องเศรษฐกิจได้ดี และทำให้ระบบขับเคลื่อนไปได้ และจะเชื่อมโยงไปถึงการขยับขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ "
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องผลงานเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในการดึงความรู้สึกของประชาชน ถ้าเห็นว่ารัฐบาลตั้งใจจริงและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ประชาชนก็จะพึงพอใจ แต่สิ่งสำคัญอื่นใดคือการลงไปพบปะกับประชาชนโดยตรง เพราะสมาชิกพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ ก็ได้รับเสียงสนับสนุนแนบแน่นและแข็งแรง ก็ยังเชื่อมั่นในตรงนี้ แต่อาจต้องปรับปรุงการสื่อสารกับประชาชนและเยาวชนให้มากขึ้น โดยเฉพาะการใช้โซเชียลมีเดีย ที่พรรคเพื่อไทยยังไม่แข็งแรง ทำให้การสื่อสารยังมีข้อจำกัด
แต่เชื่อว่าหลังจากที่มีการปรับปรุงพรรคใหม่ และมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ คือ น.ส.แพทองธาร รวมถึง มีกรรมการบริหารพรรครุ่นใหม่ ก็เชื่อว่าการปรับตัวต่างๆ จะทำให้เข้าถึงทุกกลุ่มทุกวิชาชีพ และเยาวชนกลุ่มต่างๆได้มากขึ้น การสื่อสารในเรื่องของวิสัยทัศน์ ผลงาน ก็จะถึงประชาชนมากขึ้น เป็นผลทำให้สิ่งต่างๆได้พัฒนาดีขึ้น " รัฐบาลมีเวลา 4 ปี หลังจาก 4 ปีประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสิน ว่าใครพูด ใครทำ และสร้างประโยชน์ให้ประชาชนได้ดีที่สุด แต่ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะสำรวจผล" นายภูมิธรรม ระบุ