รวมครีเอทีฟรุ่นใหม่ ปั้น 15 ย่านดังเป็นซอฟท์พาวเวอร์กรุงเทพ | คมชัดลึก

หลังจากเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง เป็นประธานเปิดงาน "เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567" หรือ "Bangkok Design Week 2024" Livable Scape "คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดี" พร้อมด้วยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟท์พาวเวอร์แห่งชาติ และ นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเปิดงาน  

จากนั้นมีการเปิดเวทีให้คนรุ่นใหม่แต่ละย่านพื้นที่ ได้แสดงศักยภาพ ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบเมือง ชูความโดดเด่น เอกลักษณ์ของย่านต่าง ๆ ทั้งการท่องเที่ยว อาหาร เช่น เจริญกรุง, พระนคร,ปากคลองตลาด,เยาวราชนางเลิ้ง,หัวลำโพง,สยาม 

โดยย่านสาทร ได้เปิดเวทีเสวนาแบ่งปันมุมมองจากผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ทำร้านอาหาร คาเฟ่ เครื่องดื่ม ทั้งมุมมองคนไทยและต่างประเทศ ถึงจุดแข็งของพื้นที่เพื่อดึงดูด รองรับนักท่องเที่ยว

นางสาวพิชชาพร อรุณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ Creative Director และผู้ก่อตั้ง Universal Admedia เป็นผู้ดำเนินรายการนำเสวนา ในหัวข้อ “Sathorn BKK: More Than A Business District“ บทบาทสำคัญของย่านสาทรในการกำหนดโครงสร้างย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการเติบโตของกรุงเทพฯอย่างยั่งยืน ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

จากการแลกเปลี่ยนของผู้ประกอบการที่เข้ามาลงทุนและค้าขายในย่านสาทร โดยใช้ Design Thinking เพื่อขับเคลื่อนไอเดีย เรื่องความสัมพันธ์ของการมีอยู่ของย่านกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการมีอยู่ของสถานที่สำคัญๆ เช่น สถานทูต องค์กรธุรกิจ และ สถาบันการศึกษาต่างๆ ที่สำคัญหากเป็นร้านอาหาร ต้องมีเอกลักษณ์ความเป็นไทย มุ่งเน้นดูแลสุขภาพผู้บริโภคและรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน สอดคล้องกับที่กรุงเทพฯติดอันดับที่ 9 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ด้วย 

ทั้งนี้ย่านสาทรมีวิวัฒนาการการเติบโตเปลี่ยนจากย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ไปสู่ความเป็น Community ที่มีเอกลักษณ์มาก สามารถดึงดูดผู้ประกอบการชั้นนำในหลายสาขา เช่น อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ คอนโดและพื้นที่พักอาศัย ที่ทำให้ย่านสาทรน่าอยู่และเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯอย่างต่อเนื่อง

โดยเทศกาลนี้จัดตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2567 มีกิจกรรมกว่า 500 โปรแกรม คาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมไม่น้อยกว่า 300,000 คน