ข่าว

สภาฯ ไม่รับหลักการ “ร่าง พ.ร.บ.คำนำหน้านาม – คุ้มครอง LGBTQ+”

สภาฯ ไม่รับหลักการ “ร่าง พ.ร.บ.คำนำหน้านาม – คุ้มครอง LGBTQ+”

21 ก.พ. 2567

สภาฯ ไม่รับหลักการ “ร่าง พ.ร.บ.คำนำหน้านาม – คุ้มครอง LGBTQ+” กังวลกระทบความเสี่ยงก่ออาชญากรรม “ก้าวไกล” ย้ำควรสนับสนุนหลักการ เพื่อคุ้มครองเพศวิถีของความหลากหลายทางเพศ

สภาผู้แทนราษฎร มีมติ 257 ต่อ 154 ไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. .... ที่นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ เป็นผู้เสนอ

 

นายธัญวัจน์ ได้นำเสนอหลักการของร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อที่ประชุมว่า ตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายรับรองบุคคล ผู้มีความหลากหลายทางเพศ ทำให้เกิดการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะเอกสารของรัฐไทยยังคงกำหนดให้ใช้คำนำหน้านาม ซึ่งถือตามเพศกำเนิดได้แก่ เด็กชาย เด็กหญิง นาย นางสาว และนาง ส่งผลให้บุคคลข้ามเพศและผู้มีความหลากหลายทางเพศอื่นประสบปัญหาในการแสดงตัวตน การตัดสินใจกำหนดวิถีทางเพศของตน และกระทบต่อการดำเนินชีวิต

 

ขณะที่ กฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนสากลได้รับรองเรื่องความหลากหลายทางเพศ ซึ่งยอมรับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศที่มีความหลากหลาย ดังนั้นสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมุ่งให้เกิดการคุ้มครองและรับรองสิทธิ ในเรื่องการใช้คำนำหน้านาม การระบุเพศของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ ตามหลักสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคล

จากนั้น ส.ส.ได้อภิปรายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างนายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย แสดงความกังวลว่า หากมีการยินยอมให้เปลี่ยนคำนำหน้านามได้เองตามที่ต้องการ อาจเกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการก่ออาชญากรรม เช่น การเปลี่ยนคำนำหน้านามเพื่อที่จะไปหลอกลวงทรัพย์ , ลวนลามเพศตรงข้าม เป็นต้น การจำคุกที่มีการแบ่งนักโทษชายและนักโทษหญิง หากสมมุติเพศทางเลือกได้มีการทำความผิดและมีจิตใจตรงข้ามกับเพศสภาพ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะให้ไปอยู่กับชายหรือหญิง พร้อมกังวลว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านอาจก่อให้เกิดปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศและการทำร้ายร่างกายมากขึ้น

 

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เรื่องของคำเปลี่ยนคำนำหน้านาม ต้องรับฟังให้รอบ อย่าเหาะเกินลงกา ไปไกลชนิดที่ว่าสุดลิ่มทิ่มประตู และจะทำให้สร้างปัญหาต่อ ก่อปัญหาใหม่  พร้อมย้ำว่าการที่เราจะภาคภูมิใจหรือไม่ภาคภูมิใจ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้คำนำหน้าว่าอะไร

ขณะที่ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมาย และอยากให้สมาชิกรับหลักการวาระ 1 ไปก่อน เนื่องจากเป็นหลักการที่เปิดกว้าง เช่นเดียวกับนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่เห็นด้วยกับ ร่าง พ.ร.บ.นี้ ว่าาการเปลี่ยนคำนำหน้านามให้ตรงตามอัตลักษณ์ทางเพศ แม้จะมีผู้แย้งที่ให้เหตุผลเรื่องการถูกหลอก ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเป็นปัจเจกบุคคล ที่หากเกิดขึ้นจริง ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมาเหมารวมว่าบุคคลข้ามเพศจะเปลี่ยนคำนำหน้านามเพื่อหลอกลวงผู้อื่นทั้งหมด และหากมีอาชญากรรมเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนคำนำหน้านาม เช่น การปลอมแปลงตัวตนเพื่อก่ออาชญากรรม ก็เป็นประเด็นเรื่องอาชญากรรมที่ต้องจัดการในส่วนผู้ที่เกี่ยวข้อง
 

ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ร่างกฎหมายใดที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่รับหลักการ หากจะเสนอเข้ามาใหม่ จะต้องเสนออีกครั้งในสมัยประชุมถัดไป