สว.ชุดใหม่ จากสาขาอาชีพ แต่ประชาชนไม่ได้เลือก
สว.ชุดใหม่ 200 คน แม้จะไม่มีอำนาจเลือกนายกฯ เหมือนกับ สว. ที่ คสช. แต่งตั้งมา แต่กระบวนการได้มา ถูกวิจารณ์ว่า อาจมีการทุจริตเกิดขึ้นได้ และไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะประชาชนทั่วไปไม่สามารถเลือกได้
สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ชุดปัจจุบัน 250 คน ที่ คสช. แต่งตั้งมา จะหมดวาระวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ กกต. จึงต้องดำเนินการเลือกตั้ง สว. ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน
รัฐธรรมนูญกำหนดให้ สว. ชุดใหม่ มี 200 คน เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งอายุไม่น้อยกว่า 45 ปี จาก 20 สาขาอาชีพตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยใช้วิธีให้ผู้สมัครมาเลือกกันเอง ไขว้กันระหว่างสาขาอาชีพ ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้สมัครเป็น ส.ว. ไม่สามารถเลือกตั้งได้
วิธีการคือ ให้ผู้สมัครเลือกกันเอง 3 ระดับ
1. ระดับอำเภอ ให้ผู้สมัครเลือกกันเองในสายอาชีพก่อน ผู้ที่ได้คะแนน 5 ลำดับแรกของแต่ละสายอาชีพ เอามารวมกันเป็น 4 สาย แล้วให้เลือกผู้สมัครกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน ผู้ได้คะแนนสูงสุด 3 ลำดับแรกของแต่ละกลุ่ม ได้เป็นตัวแทนระดับอำเภอรวม 12 คน เพื่อคัดเลือกระดับจังหวัด
2. ระดับจังหวัด ให้ใช้วิธีเลือกกันเหมือนกับระดับอำเภอ เพียงแต่ผู้ได้คะแนนสูงสุด 2 ลำดับแรกของแต่ละกลุ่ม ได้เป็นตัวแทนระดับจังหวัดรวม 8 คน เพื่อคัดเลือกระดับประเทศ
3. ระดับประเทศ พอมาถึงขั้นตอนนี้ จะมีผู้สมัครจากทั่วประเทศ 616 คน แบ่งกลุ่มให้ผู้สมัครเลือกกันเองในสายอาชีพ โดยผู้ได้คะแนนสูงสุด 40 คนแรกของแต่ละสายอาชีพ จะถูกรวมกันเป็น 4 สายจำนวนเท่าๆ กัน แล้วให้เลือกผู้สมัครกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน โดยผู้ได้คะแนนสูงสุด 10 ลำดับแรกของแต่ละสายอาชีพ ได้เป็น สว. ส่วนลำดับที่ 11 ถึง 15 เป็นบัญชีสำรอง
วิธีการแบบนี้ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีเจตนารมณ์ เพื่อป้องกับไม่ให้เกิดการทุจริตเลือกกันเองภายในสาขาอาชีพ แต่ก็มีข้อสังเกตว่าระบบนี้ อาจทำให้เกิดการทุจริตอีกรูปแบบที่เรียกว่า ‘จัดตั้ง Block Vote’ ด้วยการเอาคนสนิท คนรอบข้าง หรือจัดตั้งบุคคล ร่วมกันสมัครเป็น สว. แล้วให้เลือกตัวเองและพรรคพวกให้เข้ารอบลึกๆ ซึ่งถูกวิจารณ์ทั้งความเสี่ยงเกิดการทุจริต และไม่มีความเป็นประชาธิปไตย
แม้วุฒิสภาชุดใหม่ทั้ง 200 คน จะไม่มีหน้าที่โหวตเลือกนายกฯ เหมือนกับ ส.ว. ชุดที่แล้ว แต่ยังมีหน้าที่สำคัญในการตรวจสอบรัฐบาล กลั่นกรองกฎหมายจากสภาผู้แทนราษฎร และสรรหาตัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ