'พรรคก้าวไกล' วาง 3 เป้าหมาย ไม่หมั่นดดียุบพรรค
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล วาง 3 เป้าหมาย หลังการเปิดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ย้ำไม่หวั่นคดียุบพรรค พร้อมเดินหน้าต่อ ตอบสนองประชาชนมากขึ้น
ในการเปิดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 'พรรคก้าวไกล' ที่โรงแรมเมเปิล เขตบางนา กทม. ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค รวมถึง สส.ของพรรค และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
โดย ชัยธวัช กล่าวเปิดการประชุมว่า นับเป็นการประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง ปีนี้นับตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เปลี่ยนมาเป็นพรรคก้าวไกล เรามีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญมากๆ สิ่งที่ถือว่า พวกเราได้ช่วยกันร่วมแรงร่วมใจกันทุกองคาพยพในการทำงานอย่างหนักตั้งแต่ระดับพื้นที่ไปจนถึงระดับชาติ และสามารถพิสูจน์ตนเองให้กับพี่น้องประชาชนได้ เป็นผลสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จที่สุดในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความสำเร็จของพวกเราทุกคน ตนเองในฐานะหัวหน้าพรรคต้องขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ที่สำคัญหลังการเลือกตั้ง ทุกการสำรวจความนิยมของพรรคการเมืองเกี่ยวกับตำแหน่งผู้นำประเทศที่ผู้คนอยากเห็น พวกเราได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแผ่ว จนวันนี้นักวิเคราะห์การเมืองมีความเห็นว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล เราจะเป็นพรรคที่ครองความนิยมอันดับหนึ่งอีกแน่นอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ชัยธวัช กล่าวอีกว่า ประเด็นสำคัญคือ ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ประกอบกับผลสำรวจความเห็นประชาชน สะท้อนว่า การเมืองแบบอนาคตใหม่ การเมืองแบบ 'พรรคก้าวไกล' นี่แหละ คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ การเมืองแบบก้าวไกลที่ก่อนหน้านี้สังคมไทยไม่เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จเป็นจริงได้
สังคมไทยไม่เชื่อว่า การเมืองที่ไม่ใช่อำนาจ อิทธิพล ระบบอุปถัมภ์ เงินทองในการซื้อเสียง จะสามารถชนะในการเลือกตั้งอันดับหนึ่งได้ในประเทศนี้ แต่ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาได้ทำลายเพดานความคิดนี้ไปแล้ว วันนี้สังคมไทยเชื่อแล้วว่า การเมืองแบบก้าวไกล ที่ให้ความสำคัญกับการทำงานความคิด การนำเสนอนโยบาย การเมืองที่ทำงานแบบตรงไปตรงมา เน้นคุณภาพ การเมืองที่เกิดจากพรรคการเมืองที่ประชาชนอย่างพวกเราช่วยกันสร้าง ประสบความสำเร็จได้จริงๆในการเมืองของไทย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการเมืองไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเมื่อความคิด ความเชื่อ ความเป็นจริงได้เปลี่ยนแปลงแล้ว หมายความว่า วันนี้ประชาชนเห็นและเชื่อมั่น มีความหวังว่า เราสามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างที่เคยฝันไว้ในอดีตได้ ผ่านการเมืองระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของความสำเร็จที่ได้ทำร่วมกันในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ดังนั้น ในสถานการณ์ที่พวกเราปฏิเสธไม่ได้ว่า กำลังเผชิญพายุใหญ่ในทางการเมือง ในสถานการณ์นี้ หลายคนอาจจะหวั่นไหว ประชาชนถามไถ่ทุกวันพร้อมมีความกังวลกับ 'พรรคก้าวไกล' แต่หากเราย้อนคิดในสิ่งที่ตนเองได้พูดไป จะเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงมันมาไกลมากเกินกว่าที่การเมืองแบบก้าวไกลจะถอยหลังหรือพ่ายแพ้แล้ว ดังนั้น ยืนยันว่า พวกเราไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว เพราะคนที่หวั่นไหว คือคนที่อยากจะทำลายพรรคก้าวไกล คนที่หวั่นไหว ไม่ใช่เรา แต่คือคนที่อยากจะทำลายพรรคการเมืองที่ประชาชนต้องการ แต่ส่วนตัวยืนยันว่า มาถึงวันนี้ ไม่มีใครสามารถทำลายความคิด ความเชื่อและความหวังของประชาชนได้อีกแล้ว ไม่มีใครสามารถทำลายและหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยได้อีก
ชัยธวัช กล่าวอีกว่า ภารกิจของพรรคก้าวไกลหลังจากนี้ ไม่ใช่หวั่นไหว มีแต่เดินหน้าเต็มร้อย มั่นคง แน่วแน่ในเป้าหมายและอุดมการณ์ ทำพรรคก้าวไกลให้แข็งแรงมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของประชาชนมากขึ้น
ด้วยเป้าหมายภารกิจ 3 ประการคือ 1.ช่วยกันสานต่อปฏิรูปพรรคอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้จากปัญหาและความผิดพลาดภายในพรรค คิดค้นแนวทางการทำงานใหม่ๆ เพื่อฝ่าฟันปัญหาและความท้าทาย เพื่อให้พรรคก้าวไกลเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน ให้สมาชิกและประชาชนมีส่วนร่วม เป็นเจ้าของ ร่วมขับเคลื่อน เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง 2.เดินหน้าเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ให้ประชาชนเห็น แม้จะเป็นฝ่ายค้านที่ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร แต่ฝ่ายค้านเชิงรุกเป้าหมายของเรา คือ เตรียมพร้อมเป็นพรรคการเมือง เป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้น ระหว่างเป็นฝ่ายค้าน ต้องใช้ทุกกลไก ทุกพื้นที่ ผลักดันวาระที่ก้าวหน้าเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน เตรียมแนวทางในการนำเสนอสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประชาชน
และ 3.พวกเราทุกองคาพยพต้องช่วยกันทำงานอย่างสุดความสามารถ พิสูจน์ด้วยการทำงานจริง ปฏิบัติจริง ให้ผู้มีอำนาจประจักษ์ว่า พรรคก้าวไกลไม่ใช่ภัยคุกคามของสังคมไทย เราไม่ใช่ภัยคุกคามของใคร แต่พรรคก้าวไกลจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของสังคมไทย พรรคก้าวไกลจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสังคมไทยในอดีต เพื่อเดินหน้าไปสู่อนาคต เราจะเป็นคนที่เชื่อมอดีตที่มีข้อจำกัดที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง เดินหน้าสู่อนาคตให้พวกเราเท่าเทียมกัน เท่าทันโลก เราเท่านั้นเป็นคำตอบสุดท้าย
"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้พวกเราไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไรต้องกังวล มีแต่แสงสว่างอยู่ข้างหน้า" ชัยธวัช กล่าว