’เศรษฐา‘ ย้ำ ’ยิ่งลักษณ์‘ กลับไทย ต้องเป็นไปตามกระบวนการ กม.
’เศรษฐา‘ ย้ำ ’ยิ่งลักษณ์‘ กลับไทย ต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย มอง ’ทักษิณ‘ ลงพื้นที่ เพิ่มคะแนนนิยมรัฐบาลได้ ส่วนปรับครม. ต้องคุยพรรคร่วมก่อน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุในปีหน้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้กลับมาเล่นน้ำสงกรานต์ที่เชียงใหม่ด้วยกัน ซึ่งได้มีการประสานมายังรัฐบาลแล้วหรือไม่ โดยยืนยันว่า ไม่ได้มีการประสานมายังรัฐบาล และเชื่อว่า ผู้ที่ต้องคดีทางการเมืองทุกคน หลายคนต้องการกลับบ้านเกิดเมืองนอน และถือเป็นมิตรหมายที่ดี แต่ทุกกระบวนการต้องเป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนที่มี ซึ่งไม่ได้มีความซับซ้อน
ส่วนหากมีการประสานการกลับประเทศของนางสาวยิ่งลักษณ์นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน เช่นเดียวกับนักโทษคดีการเมืองอื่น ๆ ซึ่งตนเองก็อยากให้กลับมา เพื่อให้เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่บ้านเมืองจะเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนกังวลต่อเสียงต่อต้านจากสังคมต่อการกลับประเทศของนักโทษคดีการเมืองหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่กังวล เหมือนกรณีของนายทักษิณ, นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงคนอื่น ๆ เพื่อกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม และยินดีต้อนรับกลับสู่ประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินสายของนายทักษิณ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล จะเป็นผลดีต่อรัฐบาลหรือไม่ โดยเชื่อว่า เป็นเรื่องที่ดี และไม่เฉพาะนายทักษิณ ที่เป็นผู้นำจิตวิญญาของพรรคเพื่อไทย และเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับความนิยม พร้อมยังมั่นใจ ในความตั้งใจดีของนายทักษิณ ที่ประสบความสำเร็จมามากแล้ว และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นบุคคลธรรมดาคนหนึ่ง จึงมั่นใจเกิน 100% ว่า นายทักษิณ มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ
ส่วนโอกาสการร่วมลงพื้นที่ด้วยกันกับนายทักษิณนั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับนายทักษิณ ถึงการลงพื้นที่ร่วมกัน แต่ไม่ได้ตัดโอกาส เพราะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเองก็ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ สส.ของพรรคการเมืองอื่น ๆ ในโอกาสการลงพื้นที่ภาคใต้ ที่ไม่มี สส.ของพรรคเพื่อไทย เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคภูมิใจไทย เพราะตนเองมั่นใจว่า ตนเอง เป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน แม้ตนเองจะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างสูงสุด และพร้อมรับฟังปัญหาในพื้นที่ผ่านทั้ง สส. หรือแม้แต่นายทักษิณ เพราะตนเองไม่ได้เป็นคนน้ำเต็มแก้ว ซึ่งแต่ละคนก็มีความชำนาญในพื้นที่แตกต่างกันไป
ส่วนการลงพื้นที่ของนายทักษิณ จะช่วยดึงคะแนนคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องแล้วแต่ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน แต่หากคิดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีนัยยะทางการเมืองแล้ว การลงพื้นที่ของนายทักษิณ มีข้อคิดเห็นที่ดี และรัฐบาลสามารถปฏิบัติ ช่วยเหลือประชาชนได้ ตนจึงมั่นใจว่า จะสามารถช่วยดึงคะแนนความนิยมของรัฐบาลได้ และมั่นใจว่า นายทักษิณ ก็จะไม่ลงพื้นที่เฉพาะจังหวัดที่มี สส.พรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่จะลงทุกจังหวัด ที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ เช่นเดียวกับ อดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ที่พร้อมช่วยเหลือประเทศชาติ และตนเองก็พร้อมรับฟังความคิดเห็นของอดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
เมื่อถามนายกรัฐมนตรีถึงการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้จะต้องมีการหารือกับนายทักษิณด้วยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า หากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ก็จะต้องพูดคุยกับหลาย ๆ ภาคาส่วน ทั้งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ส่วนการกลับไปจากเทศกาลสงกรานต์นี้จะมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า แน่นอน ซึ่งหากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ก็จะต้องการพูดคุยกัน เพื่อให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ส่วนความเป็นไปได้ตามกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรี จะไปควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกตัวเลือกมีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และให้ความสำคัญกับการวางบุคคลให้ถูกฝาถูกตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงปัจจัยความเป็นไปได้หากจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยระบุเพียงว่า ตนเองไม่อยากคาดเดา หรือเจาะจง แต่ตนเองพูดในหลักการคร่าว ๆ หากมีการโยกย้าย ก็ต้องรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน รวมถึงความเห็นของสื่อมวลชน ที่มีการสะท้อนว่า บางคนทำงานยังไม่ถูกฝาถูกตัว มีจุดอ่อนในบางด้าน เช่น การสื่อสาร การประสานงาน ซึ่งทุกข้อคิดเห็นตนนำมาพิจารณาทั้งหมดหากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี
ส่วนโอกาสในการปรับคณะรัฐมนตรีจะเป็นการปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ เพื่อเริ่มทำงานทันทีหลังร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 มีผลใช้บังคับนั้น นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนเองไม่อยากคาดเดา หรือเจาะจงจะเป็นการปรับเล็ก หรือปรับใหญ่ เพราะขึ้นอยู่กับการพูดคุย และผลงานแต่ละบุคคล
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีจะถูกฝาถูกตัวหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การปรับเปลี่ยน จะต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ไม่ได้จะมีการปรับในวันนี้ หรือพรุ่งนี้ แต่หากจะมีการปรับ ต้องมีความชัดเจน ทั้งถูกต้อง เหมาะสม ถูกเวลา แต่อาจจะมีรัฐมนตรีบางคน ที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง หรือยังต้องการเวลาในการทำงาน เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งหากจะต้องมีการปรับ ก็จะต้องมีการปรับไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่การปรับครั้งสุดท้าย
นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับด้วยว่า ตนเองไม่มั่นใจว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ จะไม่มีแรงกระเพื่อมเกิดขึ้น พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะเป็นการพูดกันเอง
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีหากจะเกิดขึ้น จะช่วยลดแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนเองไม่แน่ใจ และไม่ทราบเช่นกัน เพราะตนเองยึดการแก้ไขปัญหาของประชาชน และการทำงานเป็นที่ตั้ง และเชื่อว่า รัฐมนตรีทุกคนจะเข้าใจหากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้น เพราะแม้จะมีการปรับออกไปแล้ว ก็สามารถปรับเข้ามาใหม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับวาระแต่ละเหตุการณ์ในปัจจุบัน เช่น เหตุการณ์ปัจจุบัน อาจต้องการบุคคลบางบุคคลเข้าปช่วยงานในสภา ซึ่งหากสภามีความแข็งแกร่งแล้ว ก็อาจกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีใหม่ได้ ไม่ได้ถือเป็นการจบแล้วจบเลย เพราะในอดีตก็มีการปรับคณะรัฐมนตรี ทั้งปรับเข้า และปรับออก หรือการเปลี่ยนกระทรวงแล้วกลับมากระทรวงเดิม จึงขอให้อย่าคิดอะไรมาก
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำอีกว่า หากจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ก็เพื่อให้ถูกฝา ถูกหน้าที่ และคำนึงถึงระบบรัฐสภาด้วย รวมถึงความอยู่รอดขอประชาชนเป็นที่ตั้ง และไม่ใช่การปรับภายใน 1-2 วันนี้ ซึ่งหากมีการสื่อสารไปมาก ก็จะเกิดแรงกระเพื่อม
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโอกาสการดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล หลังนายทักษิณ ออกมายอมรับได้มีโอกาสพูดคุยและรับประทานอาหารร่วมกับแกนนพพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายทักษิณ มีความอาวุโสการเมืองสูง มีเพื่อนฝูงในวงการมาก การรับประทานอาหาร และพูดคุยกับผู้อื่นก็มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ประชาชน ดังนั้น การไปรับประทานอาหารร่วมกับใครก็สามารถตีความได้หลายอย่าง แต่ส่วนตัวของตนเองนั้น ยืนยันได้ว่า ไม่เคยมีการพูดคุยกับใคร รวมถึงนายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ในการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ (14 เม.ย.) นายกรัฐมนตรี ยังได้ใช้เวลาในช่วงเทศกาลสงกรานต์พักผ่อนเป็นวันสุดท้ายร่วมกับครอบครัว ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในวันพรุ่งนี้ (15 เม.ย.) เพื่อปฏิบัติภารกิจต่อ โดยนายกรัฐมนตรี ยังได้เดินริมหาดทรายอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับบุตรสาว โดยได้ทักทายกับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวหลายคนก็ได้ขอถ่ายภาพร่วมกับนายกรัฐมนตรีไว้เพื่อเป็นที่ระลึก