‘ครูมานิตย์’ ติดต่อ ‘ชลน่าน’ ไม่ได้ หลังถูกปรับออก ครม.
‘ครูมานิตย์’ ติดต่อ ‘ชลน่าน’ ไม่ได้ หลังถูกปรับออก ครม. อาจจะมีน้อยใจบ้าง มองเป็นเรื่องสมบัติผลัดกันชม สับ ‘ปานปรีย์’ ไม่ใช่คีย์แมนสำคัญ ไม่มีความเป็นนักการเมือง
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย มาที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อแสดงความยินดีกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และยังเปิดเผยถึงนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ที่ถูกปรับออกจาก รมว.สาธารณสุข ทั้งที่เป็นกำลังสำคัญของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
นายครูมานิตย์ บอกว่า หมอชลน่าน เป็นนักการเมืองมาอย่างยาวนาน มาเจอบรรยากาศแบบนี้ เชื่อว่าเขาเข้าใจได้ แล้ววันหนึ่งอาจจะได้กลับมาทำหน้าที่อีก เพราะตนกับหมอเป็นนักการเมืองรุ่นเดียวกัน ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยมีไม่มาก ที่ผ่านมาก็พยายามติดต่อให้กำลังใจเขา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ แต่คนที่เข้ามาเป็นผู้บริหารแล้วเจอวิกฤต มันก็อาจน้อยใจบ้าง อาจเสียใจบ้าง เพราะในเชิงการเมือง มันคือ สมบัติผลัดกันชม คนที่มาเล่นการเมืองทุกคนก็มีเป้า ที่จะเป็นเสนาบดีกันทั้งหมด ถามว่าอยากเป็นไหม เราก็อยากเห็นแสงไฟที่ปลายอุโมงค์เหมือนกัน ตนเป็นคนสนิทกับหมอชลน่าน คนหนึ่ง แต่เขาคงยังไม่สะดวก จึงยังติดต่อไม่ได้
"วันนี้ไม่ได้ขอฝากอะไรมาก แต่ทุกคนที่เข้ามาสู่การเมืองตรงนี้ โดยเฉพาะคนที่โดนปรับ 2-3 ท่านซึ่งมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคุณไชยา พรหมา หรือนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว เรายังมีหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร และหมอก็เป็นรัฐมนตรีมาถึง 2 รอบแล้ว ตนคิดว่าคุณหมอเองก็เป็นนักการเมืองอาชีพไปแล้ว มาอยู่พรรคการเมือง 24- 25 ปีแล้ว ต้องทนรับในเรื่องราวเหล่านี้ ผมเชื่อแบบนั้น"
ส่วนที่นายปานปรีย์พหิทธานุกร ลาออกจากตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ หลังถูกปรับออกจากรองนายกรัฐมนตรีจะ ไม่ได้กระทบพรรคเพื่อไทย เพราะโดยส่วนตัวนายปานปรีย์อาจจะเก่งเรื่องวิชาการ แต่ไม่มีคุณสมบัติการเป็นนักการเมือง ความอดทนอดกลั้นไม่มี บางฤดูเข้าไปอยู่ในพรรคก็หายไป ตอนที่มีพรรคไทยรักษาชาติเขาก็ไปเดินอยู่ในพรรคไทยรักษาชาติ พอเขาจะมีการจัดตั้งทีมให้ออกไปช่วยงานการเมือง ก็หายไปอีก การที่นายปานปรีย์ได้มารับผิดชอบกระทรวงการต่างประเทศถือว่าเป็นตำแหน่งใหญ่โตแล้ว เวลาไปเมืองนอกก็เทียบเท่าเป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีการส่งหนังสือลาออกให้สื่อมวลชนก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งมองว่าไม่แฟร์ทางการเมือง แล้วพิสูจน์ให้เห็นว่าคนแบบนี้ขาดน้ำอดน้ำทน อยู่กับการเมืองลำบากอยู่ไม่ได้ และในที่สุดก็ต้องอัปเปหิตัวเองออกมา
ส่วนในอนาคตนายปานปรีย์จะยังทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ดูถูกดูแคลนเขา เขาเกิดมาไม่ได้มีคุณสมบัติของการเป็นนักการเมือง การเป็นนักบริหาร ceo เป็นได้ แต่ทางการเมืองนอกจากเป็นนักบริหารแล้ว ต้องมีความเป็นนักการเมืองด้วย เพราะเป็นงานที่หนัก ต้องมีการบริหารพื้นที่บริหาร สส. บริหารราชการแผ่นดิน เรื่องทุกข์สุขปากท้องชาวบ้านมีเยอะ และเรื่องนี้ยืนยันว่าไม่กระทบต่อพรรคเพื่อไทย เพราะนายปานปรีย์ไม่ใช่คีย์แมนคนสำคัญของพรรค คนที่เก่งสามารถบริหารกระทรวงการต่างประเทศได้มีอีกเยอะ
ทั้งนี้ สส.ที่เข้ามาแสดงความยินดีกับนายสุริยะ มีนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย เดินทางมาร่วมยินดีกับนายสุริยะด้วย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า จะย้ายมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ แต่นางสุภาพร เดินหนี โดยกล่าวสั้นๆ เพียงว่า ไม่สะดวก