เล่าละเอียดยิบ นาที 'อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม' แจ้งลาออก คาดเกิดแรงกดดัน
'ประธาน กมธ.อุตสาหกรรม' เล่านาที 'จุลพงษ์ ทวีศรี' แจ้งลาออก เผยที่ประชุมตกใจกันหมด คาดเกิดแรงกดดัน แต่ไม่รู้จากไหน
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม (ปธ.กมธ.อก) และสส.จังหวัดราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม แจ้งลาออกในที่ประชุมคณะกมธ.อก.ว่า เรื่องนี้ไม่ควรพูดว่า นายจุลพงษ์ มาประกาศลาออกในที่ประชุมกมธ.อก. แต่เนื่องจากในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงปัญหาในการสอบหาข้อเท็จจริง
ขณะเดียวกันตนในฐานะประธานคณะกมธ.อก. ต้องมีการขอเอกสาร ขอความร่วมมือในการดำเนินการ รวมถึงต้องมีการสั่งด้วยเอกสาร เพื่อการประชุมครั้งหน้าในเรื่องการติดตามผล โดยขอให้อธิบดีกรมโรงงานเตรียมข้อมูลอะไรมาชี้แจงเพิ่มเติมบ้าง ในเรื่องเกี่ยวกับเหตุไฟไหม้โรงงานในจังหวัดระยองและกรณีการขนย้ายกากแคดเมียม ตามข้อแนะนำของประธานและข้อท้วงติงของคณะกมธ.อก.
นายอัครเดช เล่าว่า พอเสร็จการหารือและเป็นช่วงท้ายของการสรุปประชุม นายจุลพงษ์ เหมือนจะแจ้งให้ตนทราบว่า สิ่งที่ขอไปนั้นในการประชุมครั้งหน้า ท่านไม่ได้มาเข้าร่วมประชุมแล้ว และไม่สามารถมาแจ้งข้อมูลหรือไม่สามารถมาทำหน้าที่ให้ตนตามที่ขอไปในฐานะประธานกมธ.อก.ได้แล้ว เพราะได้ลาออกจากอธิบดีกรมโรงงาน เมื่อสักครู่นี้ (วันที่ 1 พ.ค.) ตอนนั้นตนเองอยู่ในห้องประชุมก็ตกใจ เพราะตลอดระยะเวลาในการประชุมตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงจนถึงช่วงค่ำ ก็ไม่มีวี่แววว่านายจุลพงษ์จะลาออก
ขณะเดียวกันตนเองก็ได้หันสอบถามท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล ซึ่งนั่งอยู่ติดกันกับอธิบดีกรมโรงงานว่า ท่านปลัดได้ยับยั้งการลาออกของท่านอธิบดีหรือไม่ ท่านบอกว่า ท่านก็พึ่งรับทราบเดี๋ยวนี้ และท่านก็ไม่ได้ตอบอะไรมา เพราะท่านปลัดเองก็ยังตกใจอยู่เหมือนกัน และตนเองก็รู้สึกเสียดายในการลาออกของนายจุลพงษ์ เพราะทำงานร่วมกัน ในฐานะที่ตนเป็นประธานกรรมาธิการอุตสาหกรรม ที่ผ่านมานายจุลพงษ์ก็ให้ความร่วมมือมาตลอด และทราบว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในเรื่องของกรมโรงงานและยังเป็นลูกหม้อ เป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจในการทำงาน และเมื่อวานตนได้บอกให้ไปทบทวนใหม่เรื่องลาออกใหม่ แต่นายจุลพงษ์บอกว่าได้ยื่นลาออกไปแล้ว ซึ่งตนก็เคารพการตัดสินใจ
ส่วนสาเหตุการลาออกนั้น นายจุลพงษ์ไม่ได้ให้เหตุผลว่าเพราะอะไร แต่เนื่องจากเราก็ทราบแต่เพียงว่า เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกรมโรงงานช่วงนี้เกิดขึ้นเยอะมาก จึงอาจเกิดภาวะแรงกดดันและทำให้เกิดความคาดหวังจากที่พี่น้องประชาชนและสังคม มาที่ตัวท่านมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ ส่วนจะมีแรงกดดันจากไหนตนไม่ทราบ
สำหรับปัญหาต่างๆ นายอัครเดช ระบุว่า เลยจากปัญหาของกรมโรงงานไปแล้ว เพราะเป็นปัญหาหมักหมมมานานหลายปี ก่อนที่นายจุลพงษ์จะเข้ามารับตำแหน่ง อันนี้คือข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นปัญหาทั้งข้อกฎหมาย ปัญหาเรื่องงบประมาณ รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ ดังนั้นการแก้ปัญหานี้ได้ไม่ใช่อยู่ที่อธิบดีกรมโรงงานเพียงกรมเดียวแล้ว ต้องมีการบูรณาการร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน
"อย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรี ที่ท่านได้สั่งการนั้นถูกต้องแล้ว คือต้องบูรณาการกันหลายหน่วยงาน ซึ่งปัญหาอยู่เหนือระดับอธิบดีมาควบคุม ในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องกากแคดเมียม และเรื่องโรงงานไฟไหม้ ดังนั้นปัญหาจากนี้ไป เราก็จะพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้รวดเร็ว และหาทางป้องกัน โดยต้องแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพราะการแก้กฎหมาย ไม่สามารถแก้ได้ภายในเดือนหรือสองเดือน มันต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร และในฐานะที่เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เรามุ่งมั่นแก้กฎหมายให้สำเร็จ เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ" นายอัครเดช กล่าว