ข่าว

เคลื่อนศพ “บุ้ง ทะลุวัง ” วนรอบเมรุก่อนพิธีฌาปนกิจ ไร้เงา “หยก”

เคลื่อนศพ “บุ้ง ทะลุวัง ” วนรอบเมรุก่อนพิธีฌาปนกิจ ไร้เงา “หยก”

19 พ.ค. 2567

กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำกิจกรรมวนรอบเมรุ ก่อนร่วมส่ง ” บุ้ง ทะลุวัง “ ครั้งสุดท้าย ไร้เงา “หยก” ก่อนพิธีฌาปนกิจ

ร่วมอาลัยบุ้งทะลุวังครั้งสุดท้าย

 

 

จากกรณี นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน  วันนี้ (19 พ.ค.) เวลา 14.24  น. มีพิธีฌาปนกิจศพ โดยญาติและครอบครัว พร้อมกลุ่มเพื่อน ซึ่งมีนางสาวณัฐนิษ ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ เป็นผู้ถือรูปหน้าศพ พี่สาวของบุ้ง ถือ กระถางธูป 

 

นอกจากนี้ ยังมีนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ นางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และเพื่อนกลุ่มทะลุวัง ร่วมกันเข็นรถเคลื่อนโลงศพ และมีกลุ่มประชาชน เดินต่อท้ายขบวนเพื่อเวียนรอบเมรุ จำนวน 3 รอบ 

 

โดยระหว่างเวียนรอบเมรุ ได้เปิดเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา , เพื่อมวลชน , ฝากรักถึงเจ้าผีเสื้อ รวมถึงการตะโกนเรียกร้องสิทธิการประกันตัวผู้ต้องหาคดีทางการเมือง ก่อนช่วยกันยกโลงศพขึ้นไปบนเมรุ 

 

จากนั้น ทางเพื่อนและครอบครัวได้มีการแสดง รำมโนราห์ และทำกิจกรรมหน้าไฟ เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับบุ้งเป็นครั้งสุดท้าย

บุคคลทางการเมืองร่วมงานศพบุ้งครั้งสุดท้าย

 

ส่วน บุคคลสำคัญทางการเมืองที่มาร่วมงาน มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช.  แต่การสังเกตไม่พบเยาวชนหญิงที่เคยอยู่ในการดูแลของบุ้ง (หยก) มาร่วมงานฌาปนกิจ

 

ขณะที่นาย กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากประจำศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แถลงคำชี้แจงหน้าเมรุเผาศพบุ้ง หลังกรมราชทัณฑ์ออกเอกสารยืนยันการรักษา นางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง นักกิจกรรมทางการเมือง ว่าให้การช่วยเหลือตามมาตรฐานการรักษาวิชาชีพของแพทย์ 

 

โดยแพทย์ดำเนินการใส่ท่อช่วยหายใจ ได้นวดหัวใจ พร้อมให้ยากระตุ้นหัวใจ ยากระตุ้นความดันโลหิตตามมาตรฐานการช่วยชีวิตขั้นสูง และทีมบุคลากรทางการแพทย์ให้การดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงเวลา จนส่งตัวผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 

 

หลังจากที่ ทนายกฤษฎางค์อ่านคำแถลง ชี้แจงของกรมราชทัณฑ์เสร็จก็ได้ฉีกกระดาษที่เป็นเพลสของกรมราชทัณฑ์ทันที 

 

จากนั้น ทนายกฤษฎางค์ ได้นำบันทึกการรักษาของ นางสาวเนติพร หรือ บุ้ง จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มาอ่านเพื่อชี้แจงว่า นางสาวเนติพร หมดสติในเวลา 06.23 น. ซึ่งขณะนั้นไม่มีสัญญาณชีพ และมีการทำ CPR จนกระทั่งถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ในเวลา 09.30 น. และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

โดยสาเหตุการเสียชีวิตจากการชันสูตรพลิกศพ ลงความเห็นว่าภาวะหัวใจล้มเหลวโดยเฉียบพลัน ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ และภาวะหัวใจโต ส่วนผลการตรวจหาสารพิษอยู่ระหว่างการรอผล

 

ข้อมูลการรักษาจากเวชระเบียนที่ได้รับจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่รับบุ้งมารักษาในเวลา  09:30 น. ขณะนั้น ไม่มีสัญญาณชีพคลื่นหัวใจแรกรับไม่มีคลื่นไฟฟ้าของหัวใจข้างล่าง (Asystole) ไม่มีเสียงลมในปอด แต่กลับได้ยินที่บริเวณลิ้นปี่ และพบท่อช่วยหายใจอยู่ในหลอดอาหารรวมถึงค่าคาบอนได


อ๊อกไซด์ ที่วัดการหายใจ ( ETCO2) เท่ากับ 0 มิลลิเมตรปรอต ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ที่ห้องฉุกเฉินและหลังใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ก็ได้ยินเสียงลมที่ปอดทั้ง 2 ข้าง และ ค่าคาบอนไดอ๊อกไซด์ ที่วัดการหายใจ ( ETCO2) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10 มิลลิเมตรปรอท

 

ทนายกฤษฎางค์ ได้ตั้งข้อสงสัย ถึงการกู้ชีพ ตั้งแต่ที่ บุ้ง ล้มและไม่มีสัญญาณชีพ เมื่อตอน 06.23 น. เป็นเวลา 3 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ 

 

ทนายกฤษฎางค์  ยังบอกอีกว่าการใส่ท่อช่วยหายใจในหลอดอาหารเป็นสิ่งที่พบได้ แต่ตามมาตรฐานวิชาชีพ การตรวจสอบเพื่อยืนยันตำแหน่งข้อช่วยหายใจทันทีเป็นเรื่องพื้นฐาน หากไม่แน่ใจต้องมีวิธีในการยืนยัน เพื่อแน่ใจว่าตำแหน่งของท่อช่วยหายใจอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ และแม้การใส่ท่อช่วยหายใจผิดตำแหน่งอาจไม่ได้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตแต่ก็เป็นหนึ่งในความผิดพลาดร้ายแรงที่ทำให้โอกาสการคืนชีพของบุ้งน้อยลงจนกลายเป็นแทบไม่มีโอกาสการรอดชีวิต

 

ดังนั้นทนายความและครอบครัวจึงตั้งคำถามกับทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ บุ้ง ตั้งแต่การดูแลก่อนการเสียชีวิตการกู้ชีพไปจนถึงการส่งตัวเพื่อรักษาต่อ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ทราบถึงมาตรฐานของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ถูกคุมขังคนอื่นที่ต้องใช้โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่เกิดเหตุในลักษณะเช่นเดียวกับบุ้งอีก ทนายกฤษฎางค์ ยังบอกอีกว่าสิ่งที่ตนและครอบครัวบุ้ง สงสัยนั้นไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง 

 

นอกจากนี้ทนายกฤษฎางค์ ยังบอกอีกว่าได้สอบถามรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ว่ารถฉุกเฉินที่นำตัวบุ้งไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ภายในมีแพทย์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่ในรถคันดังกล่าวอีกด้วย

 

ขณะที่ พรุ่งนี้ เวลา 09.30 น. ทีมทนายความ และกลุ่มเพื่อนจะเดินทางไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อขอประวัติการรักษาบุ้ง 5 วันก่อนเสียชีวิต หลังถูกเลื่อนการส่งเอกสารมาถึง 7 ครั้ง