ข่าว

ศาลอาญาทุจริต ประทับฟ้อง 4 กสทช. - พวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ประทับฟ้อง 4 กสทช. กับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก-เปลี่ยนรักษาการแทนเลขาฯ กสทช. ส่งเรื่องให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเขตอำนาจศาล เเต่ไม่ได้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

31 พ.ค. 2567 ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.เลียบทางรถไฟ ตลิ่งชัน ศาลฯ นัดฟังคำสั่ง คดี อท.155/2566 ระหว่างนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ, ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต, รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย, รองศาสตราจารย์ ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ กับพวกรวม 5 คนเป็นจำเลยในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 172

จากกรณีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ร่วมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุน ค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย และดำเนินการให้มีการเปลี่ยนรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แทนโจทก์ โดยมิชอบ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ได้รับความเสียหาย ต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน ถูกเสนอให้ต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.

ก่อให้เกิดความสับสน ความแตกแยกในหมู่พนักงาน เกิดความกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงเพราะมีข่าวออกเผยแพร่ทันทีภายหลังการประชุม กสทช. เสร็จสิ้น รวมถึงหมดโอกาสในการเจริญเติบโตในหน้าที่การงานจากการกระทำของจำเลยทั้ง 5 ทำให้โจทก์ได้รับผลกระทบต่อการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ซึ่งจะมีขึ้นในภายภาคหน้าต่อไปด้วย

จำเลยที่ 5 เป็นรองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ และเป็นผู้รักษาการแทนโจทก์ แต่จำเลยที่ 5 โดยเจตนาทุจริตกลับจัดทำบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด (ลับ) ส่วนงานเลขานุการ กสทช. สายกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ แต่งตั้งตนเองเป็นพนักงานผู้รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. แทนโจทก์ โดยมีเจตนาพิเศษเพื่อให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และตนเองจะได้ดำรงตำแหน่งแทน จึงเป็นการจงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

เป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่1-4 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย เป็นการร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือตำแหน่งหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และตาม พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 172

ศาลอาญาทุจริต ประทับฟ้อง  4 กสทช. - พวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ปมซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก

อีกทั้งภายหลังจากที่จำเลยที่ 1-4 ได้ร่วมกันลงมติตามระเบียบวาระ 5.22 ในการประชุม กสทช. และจำเลยที่ 5 ได้จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยโจทก์แล้วปรากฏว่าสื่อมวลชนได้มีการนำเสนอและเผยแพร่ข่าวที่ กสทช. มีมติปลดโจทก์ และให้โจทก์หยุดปฏิบัติหน้าที่ ผ่านทางสื่อหลายสำนัก หลายช่องทางด้วยกันทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงจากการนำเสนอข่าวดังกล่าว ชื่อเสียง รวมถึงเสียโอกาสในหน้าที่การงานตนเอง

วันนี้ ทนายโจทก์ ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 มาศาล ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณา ศาลได้อ่านคำสั่งให้คู่ความฟังแล้ว

ภายหลังจากที่ศาลได้อ่านคำสั่งให้คู่ความฟัง เจ้าหน้าที่ได้ส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 -4 ที่ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยอำนาจในการพิจารณาคดีที่โจทก์ฟ้องว่าคดีนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแต่อยู่ในอำนาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่จะรับคดีไว้พิจารณาพิพากษา ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 - 4 ลงวันที่ 30 พ.ค. 2567 

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าจำเลยที่ 1 - 4 ยื่นคำร้องขอให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอำนาจพิจารณาคดี พิพากษาว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แต่ว่าอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งกรณีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางต้องส่งสำนวนพร้อมคำร้อง ให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยก่อน

กระบวนการพิจารณาคดีที่จะมีต่อไป ต้องรอคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ลงมาก่อนจึงจะดำเนินการต่อไป หรือต้องส่งถ้อยคำสำนวนให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาในกรณีที่ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคดีอยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ดังนั้นในชั้นนี้ให้ส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 - 4 พร้อมถ้อยคำสำนวนให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยเร็ว และให้ยกเลิกนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การจำเลย โดยกำหนดวันนัดพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ค. 2567 โดยแจ้งให้คู่ความทราบ และศาลไม่ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการให้หยุดปฎิบัติหน้าที่แต่อย่างใด

ข่าวยอดนิยม