ข่าว

"ผู้นำฝ่ายค้าน" ชี้ รัฐบาลเศรษฐา จัดงบปี 68 แบบเจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้

"ผู้นำฝ่ายค้าน" ชี้ รัฐบาลเศรษฐา จัดงบประมาณปี 68 แบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ฉะ! เจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้ มองงบมุ่งแก้วิกฤตทางการเมือง ไม่ได้เอาโจทย์ประเทศเป็นตัวตั้ง

19 มิ.ย. 2567 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในที่ประชุม ในวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายเนื้อหาสาระ

โดยเริ่มต้นด้วยการแสดงความห่วงใยไปยังในเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า สุขภาพจะฟื้นหลังจากอาการป่วยโดยเร็ว และอภิปรายว่า การกำหนดวงเงินงบประมาณปี 2568 สูงมากเป็นประวัติการ 3.75 ล้านล้านบาท สูงสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจัดงบประมาณแบบขาดดุลอย่างต่อเนื่องมาหลายปี โดยมีเงินกู้ 865,700 ล้านบาท เป็นการวางเงินกู้เกือบชนเพดาน ส่วนจะสอดคล้องกับความจำเป็นในสถานการณ์หรือไม่นั้นจะต้องไปดูในรายละเอียดว่ารัฐบาลกำลังจะนำงบไปดำเนินการอะไรบ้าง

ซึ่งฝ่ายค้านก็ผิดหวังจากการจัดทำงบประมาณปี 2567 มาแล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้งบปี 2568 ซึ่งเป็นการใช้อำนาจเต็มของรัฐบาลใหม่ จะไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้อีกต่อไป โดยปัญหาเมื่อพิจารณาในรายละเอียดทำให้ฝ่ายค้านผิดหวังและหมดหวัง เป็นการจัดสรรงบประมาณที่เหมือนเดิมมีปัญหาแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือดิจิทัลวอลเล็ต จัดเหมือนเดิมซ้ำซ้อนเบี้ยหัวแตก มองไม่เห็นเป้าหมายนโยบายที่ชัดเจน แทบไม่มีอะไรใหม่ เตยงบปี 2567 มีโครงการใหม่ถึง 236 โครงการ แต่การจัดครั้งนี้มีโครงการใหม่เพียง 163 โครงการ แถมมีโครงการเหล้าเก่าในขวดใหม่เยอะมาก และแต่ละกระทรวงต่างคนต่างทำต่างอยู่ในอาณาจักรของตัวเองไร้ทิศทาง 

"หากมีอะไรใหม่ที่มองว่า เป็นวาระของรัฐบาลอย่างชัดเจน คงมีแค่เรื่องเดียว ความพยายามที่จะผลักดัน นั่นคือต้องดันทุรังทำดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ทำให้ได้สำเร็จเรียกได้ว่า ดันทุลังกันแบบ เจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้" นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคก้าวไกล

นายชัยธวัช อภิปรายต่อว่า งบดิจิทัลวอลเล็ต เป็นรายการที่ตั้งใหม่ชื่อว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน 157,200 ล้านบาท และมีการคาดการณ์ต่อว่า จะมีการใช้เงิน ธกส. 172,300 ล้านบาท และจะมีการของบกลางปี 2567 เพิ่มอีก 122,000 ล้านบาท และหากไม่พอรัฐบาลอาจออกกฏหมายโอนเงินงบประมาณจากงบสำรองรายจ่ายฉุกเฉินหรือจำเป็นมาเพิ่มอีก แต่ผลจากการหางบประมาณมาดำเนินโครงการดังกล่าวเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางการคลังเฉพาะหน้า และระยะยาว เกิดภาระการจ่ายหนี้ของภาครัฐสูงขึ้นในอนาคต สูญเสียพื้นที่ทางการคลังหากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉินจริงๆ หรือจำเป็นต้องลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่

และหยิบยกเหตุผลว่า เหตุใดรัฐบาลรู้ว่าเสี่ยงแต่ยังคงจัดงบงบประมาณปี 2568 ที่มีลักษณะเจ๋งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้มีปัญหาวิกฤตความชอบธรรมทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะจนถึงวันนี้ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และปากท้องของประชาชนดีขึ้น

พรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียวคือ การผลักดันโครงการเรือธง ที่เคยหาเสียงไว้ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ส่งผลให้ความชอบธรรมทางการเมืองกลับคืนมา แต่หากสุดท้ายนโยบายดิจิทัลวอเล็ต ไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศ การจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้เอาโจทย์ของประเทศตัวตั้ง แต่เอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้งซึ่งหมายถึงการมุ่งแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาสและอนาคตของประเทศวางเป็นเดิมพัน ชี้การจัดสรรงบงบประมาณแนวคิดแบบนี้ไม่สามารถใช้ได้ในปัจจุบัน เพราะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศในเวลานี้

นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคก้าวไกล

 

และเห็นว่าการกระตุ้นการบริโภคโดยการอัดเงินลงระยะสั้นอาจเจอช่องทางเงินไหลออกที่เปรียบเป็นหลุมดำสองหลุมคอยดูดเม็ดเงินออกนอกระบบเศรษฐกิจในประเทศ หลุมดำแรก คือ การนำสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศจนเกิดภาวะสินค้าล้นตลาดแทบทุกรายการ และหลุมดำที่สอง คือ การขายของออนไลน์ที่คาดว่าคนไทยจะซื้อของออนไลน์จากต่างประเทศมากขึ้น

กลายเป็นเกิดส่วนแบ่งตลาดของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศมากขึ้น และรัฐบาลเพิ่งเริ่มตระหนักเข้าใจประเด็นนี้จึงมีการทบทวนเรื่องการใช้เงินซื้อโทรศัพท์มือถือได้หรือไม่ สะท้อนถึงการคิดที่ไม่รอบคอบ ตั้งแต่แรก ภายใต้กรอบคิดเดิมๆ เมื่อ 20 ปีก่อน

ซึ่งโจทย์ปัญหาของประเทศยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโจทย์การศึกษาและการเรียนรู้ โจทย์สังคมสูงวัย โจทย์ของชนบทไทยที่สมาชิกฝ่ายค้านจะไล่เรียงในการอภิปรายชี้เห็นหลังจากนี้ พร้อมกับทิ้งท้ายว่าการจัดสรรงบประมาณปี 2568 สะท้อนเห็นว่าโจทก์ของรัฐบาลไม่ใช่โจทย์ของประเทศเป็นการจัดงบที่มักง่ายที่สุด สุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะรัฐบาลนำทรัพยากรของประเทศมุ่งแก้ปัญหาวิกฤติทางการเมืองเฉพาะหน้าของตัวเอง โดยเอาโอกาสของคนไทยทุกคนและอนาคตของประเทศมาวางเดิมพันอย่างไม่รับผิดชอบ

ข่าวยอดนิยม