ผู้สมัคร สว. คัดค้าน กกต. ประกาศ 200 รายชื่อ หากพบฮั้วลงคะแนน เลือกตั้งใหม่ | คมชัดลึก

นายจักรพงษ์ คงปัญญา ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่ม 12 พร้อมผู้สมัคร สว. อีกหลายคนที่ได้รับความเสียหายจากการเลือก สว. ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อคัดค้านการประกาศรายชื่อ สว.ระดับประเทศ 200 รายชื่อ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้อง มองว่าหากรับรองไปก่อน แล้วค่อยสอยทีหลัง จึงเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง พร้อมเสนอข้อเรียกร้องดังนี้ 

1.หยุดการประกาศรับรอง 200 รายชื่อ จนกว่าจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของทุกคะแนน พร้อมให้เปิดเผยต่อสาธารณะ 
2.หากพบว่ามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการฮั้วลงคะแนนให้กัน ให้ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ทันที 
3.ก่อนการเลือกตั้งใหม่ ให้ กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันคนที่ไม่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย ทั้ง 20 กลุ่ม โดยให้มีผู้เชี่ยวชาญร่วมกับ กกต. และเปิดเผยกระบวนการตรวจสอบต่อสาธารณะ 
4.วันเลือกตั้งใหม่ กกต.ตั้งเข้มงวดไม่ให้ผู้สมัครนำเอกสารหรือโพย จดหรือเขียนตัวเลขใดๆ ในเสื้อผ้าหรือร่างกาย รวมทั้งเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เข้าสู่สถานที่เลือกโดยเด็ดขาด 
5. ให้กกต.จัดพิมพ์เอกสารแนะนำตัว (สว.3) ให้ผู้สมัครใหม่ โดยแจกก่อนเข้าช่องลงคะแนน และให้เวลาผู้สมัครอ่านอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ก่อนลงคะแนน 
6.ให้ทุกฝ่ายยอมรับ ผลการดำเนินการของ กกต. และถือเป็นสิ้นสุดเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว.200 คน เข้ามาทำหน้าที่

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า การเลือกตั้ง สว. ที่ผ่านมามีประจักษ์พยานสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ พบความผิดปกติในการลงคะแนน มีการลงให้กันเป็นชุดๆ เลขเรียงกันหลายครั้ง ทำให้มีคะแนนสูงผิดปกติ เมื่อเทียบกับทั่วไป รวมถึงบล็อคคะแนนไม่ให้บุคคลเป้าหมายผ่านรอบแรกได้ โดยการโจมตีปล่อยข่าวเท็จก่อนลงคะแนน ทำให้บัตรเสียหรือมีการซื้อคะแนนแลกคะแนน การที่ กกต. ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติทุกคนให้ครบถ้วนก่อนเลือกในระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ถ้ามีผู้สมัคร คุณสมบัติไม่ถูกต้อง หลุดเข้ามาแม้แต่ 1 คน จะทำให้คะแนนระดับอำเภอในรอบแรก มีความเบี่ยงแบนและผิดพลาดทันที ยิ่งเข้ารอบลึก ยิ่งมีความผิดพลาดมาตามลำดับ 

หากพบผู้สมัคร สว. คุณสมบัติไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนด นายจักรพงษ์  กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 107 ระบุชัดเจน กกต. ต้องทบทวน จัดการปัญหา หรือยกเลิกแล้วจัดตั้งใหม่ แต่ถ้า กกต. ประกาศรับรองแล้วไปสอยที่หลังจะสร้างปัญหามาก เพราะผู้สมัครบางคนไม่ถือว่า บริสุทธิ์ยุติธรรมกับคนอื่น แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณในการจัดเลือกใหม่ ก็ให้จัดเลือกในระดับประเทศไปก่อน ให้ได้ สว. 200 คน แล้วค่อยอุดช่องว่าง หรือรอครบเทอมแล้วเลือกใหม่ โดยให้เป็นไปตามเงื่อนไข 6 ข้อที่ได้เรียกร้อง 

ด้าน พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 2  กล่าวว่า วันนี้มายื่นหนังสือพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากที่เคยร้องไปก่อนหน้านี้ ได้ยื่นคัดค้านประกาศรับรอง สว. 200 รายชื่อ ซึ่งรวมถึงตัวเองด้วย เพราะพบสิ่งผิดปกติระหว่างการลงคะแนน โดยเฉพาะรอบไขว้ หรือรอบสุดท้ายมีการลงคะแนนเป็นชุด จึงอยากให้ กกต. ใช้ตามอำนาจมาตรา 59 เปิดกล่องนับคะแนนใหม่ โดยใช้เครื่องอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยนับ ย้ำว่า เรื่องของผลประโยชน์ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงิน

นอกจากนี้ตั้งข้อสังเกตุ การนับคะแนนเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง ผลที่ปรากฎจะสะท้อนว่า สิ่งที่พวกเราพูดเป็นความจริง เพราะเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ แต่ถ้า กกต. ไม่ดำเนินการก็จะอาศัยองค์กรที่มีอำนาจเหนือกว่าบังคับ ยืนยันว่ามีหลักฐานและได้ยินมาว่ามีการสัญญากัน ใครได้เป็น สว. เขียนใบลาออกไว้ให้ก่อนด้วย หรือคนแวดล้อม สว.ให้เป็นคนของอีกฝ่าย หรือ มาสเตอร์มาย (ผู้อยู่เบื้องหลัง) เป็นคนบริหารจัดการ 

ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ส่งผลร้ายแรงต่อประเทศชาติ ถ้า กกต. ดื้อดึงประกาศรับรองรายชื่อ สว. ก็จะไปยื่นต่อศาลฎีกา และอาจมีเรื่องมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 

ส่วนถ้าพบผู้สมัคร สว.ที่ขาดคุณสมบัติ พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า ตอนนี้ขอทำเรื่องที่เป็นภาพรวมทั้งระบบก่อน ส่วนการเอาผิดรายบุคคล ถือว่ามีจำนวนมาก ข้อมูลเยอะ อาจต้องใช้เวลาสืบสวน แต่ตนไม่เลิกราแน่ 

ด้านนายพานิชย์ เจริญเผ่า ผู้สมัคร สว. จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มที่ 17 ที่ผ่านเข้ารอบการคัดเลือกระดับจังหวัด แต่สละสิทธิ์ไม่ไปรับเลือก ยื่นหนังสือร้อง กกต. ขอให้การเลือก สว. ครั้งนี้เป็นโมฆะ และ ขอให้ไม่รับรอง นายชินโชติ หรือนายประเทือง แสงสังข์ (จ.สมุทรปราการ) ผู้ได้รับเลือกเป็น สว. ในกลุ่มที่ 7 และขอให้ดำเนินคดีกับนายชินโชติ ในการนำเอกสารและใช้เอกสารวุฒิการศึกษาปลอม ลงสมัคร สว.  โดย กกต. สามารถตรวจสอบประวัติได้ไม่ยาก ใช้อำนาจหน้าที่เรียกมาสอบสวน และดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป หาก กกต. ไม่ดำเนินการ ต้องพิจารณาว่า จะดำเนินการกับ กกต. ทั้ง 7 คน อย่างไร