ข่าว

“ปิยบุตร” เข้าสภาในรอบหลายเดือน พร้อมเผยถึงพรรคสำรอง

“ปิยบุตร” เข้าประชุม กมธ. เป็นการเข้าสภาครั้งแรกในรอบหลายเดือน พร้อมเผยถึงการพิจารณาของศาล รธน. คดียุบพรรคก้าวไกล และพรรคสำรอง

3 ก.ค.2567 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ประชุมนัดแรก ในวาระการแต่งตั้งตำแหน่งใน กมธ.

 

โดย นาย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะ กมธ. สัดส่วนพรรค ก้าวไกล เดินทางมาประชุม พร้อมให้สัมภาษณ์ครั้งแรกในรอบหลายเดือน ถึงการรับตำแหน่ง กมธ. ว่า ในเรื่องของตำแหน่งยังไม่ทราบ ตนตั้งใจมาประชุมโดยการตอบรับการเป็น กมธ. ครั้งนี้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล เป็นคนชวน เนื่องจากคิดว่าความรู้ของตนยังเป็นประโยชน์ในการทำงานด้านนิติบัญญัติ นอกจากประชุม กมธ.แล้ว ยังถือโอกาสมาเจอเพื่อนๆ ที่เป็นนักการเมือง ทั้งในพรรคก้าวไกลและต่างพรรค อย่างน้อยก็ได้มีโอกาสมาคุยกันเรื่องบ้านเมือง รัฐธรรมนูญ รวมถึงนิรโทษกรรม

 

ส่วนจุดยืนเรื่องการออกเสียงทำประชามตินั้น นาย ปิยบุตร กล่าวว่า กติกาเดิมค่อนข้างยาก ตนเข้าใจว่าการตั้ง กมธ.นี้มา ร่างของแต่ละพรรคและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ค่อยต่างกัน คือการปรับกลับมาใช้เสียงข้างมาก ใช้แค่คนกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ก็ถือว่าผ่านแล้ว จะเป็นประโยชน์ในการทำประชามติ กรณีเปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

“หากเป็นไปได้ แก้รอบนี้ทีเดียวเลยก็ดี เช่น เราเคยสังเกตมาแล้วว่าในการออกเสียงเลือกตั้งมีข้อบกพร่องอย่างไร ครั้งนี้จะทำหรือไม่ อย่างการออกเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า รวมถึงการให้มีผู้สังเกตการณ์ จะเติมเข้ามาหรือไม่ ไหนๆ แก้แล้ว อย่าไปแก้แค่ประเด็นเดียว แก้เรื่องอื่นให้สมบูรณ์ด้วยดีหรือไม่ ก็ต้องไปพูดคุยใน กมธ.” นาย ปิยบุตร กล่าว

 

นาย ปิยบุตร ยังกล่าวถึงกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุม คดี ยุบพรรคก้าวไกล ต่อในวันที่ 17 ก.ค.2567 ว่า เท่าที่ฟังนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญแถลงข่าว ยืนยันว่า ภายในเดือน ก.ย. คงต้องตัดสินคดี ถือเป็นประโยชน์ต่อลูกความทั้งสองฝ่าย ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพรรค ก้าวไกล ก็ต้องต่อสู้อย่างเต็มที่

 

คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคที่ประชาชนเลือกมา 14 ล้านเสียง เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ดังนั้น ประชาชนจับตาทั้งในและต่างประเทศ การที่ศาลเปิดให้ไต่สวนอย่างเต็มที่ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นหลักประกันให้เห็นว่าศาลให้โอกาสทั้งสองฝ่ายสู้คดีอย่างเต็มที่

 

ส่วนคำตัดสินจะกระทบต่อพรรคก้าวไกลอย่างไร นาย ปิยบุตร ระบุว่า  แกนนำของพรรคก็มีประสบการณ์มาตั้งแต่สมัยยุบพรรคอนาคตใหม่ แน่นอนว่าต้องสู้คดีอย่างเต็มที่ในทางกฎหมาย แต่ในทางการเมืองที่ต้องมีการตระเตรียมในอนาคต ก็คงเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าระหว่างนี้พรรค ก้าวไกล คงไม่เสียสมาธิ ตั้งอกตั้งใจทำงานในฐานะ สส.

 

ส่วน พรรคสำรอง นั้น นาย ปิยบุตร กล่าวว่า เป็นธรรมดา ประเทศนี้ยุบกันมาไม่รู้กี่พรรคต่อกี่พรรค แต่ละพรรคก็ต้องเตรียมเรื่องพวกนี้ไว้

 

สำหรับ สส. จะอยู่กับพรรคหรือไม่ นาย ปิยบุตร กล่าวว่า บริบทรอบนี้กับรอบที่แล้วต่างกัน รอบที่แล้ว เสียงของฝ่ายค้านและรัฐบาลก้ำกึ่งมาก การดึง สส.มีความสำคัญ แต่รอบนี้เสียงทิ้งห่าง และฝ่ายรัฐบาลคงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดึง สส.พรรค ก้าวไกล ไป รวมถึงกระแสของพรรคก้าวไกลก็สูงมาก

 

บรรดา สส.ของพรรคต้องคิดให้ดีว่า ถ้าย้ายพรรคแล้วจะทำอย่างไร ต่อให้รู้สึกไม่สบายใจหรือมีใครมาเสนออะไรให้ก็ตาม แต่การอยู่พรรคก้าวไกลเป็นการอยู่เพื่ออนาคต ตนมีโอกาสพูดคุยกับ สส.พรรคก้าวไกล ก็ถามว่า “คุณจะเลือกข้างอดีตหรืออนาคต ถ้าคุณเลือกข้างอนาคต” ทิศทางหลังจากนี้ ในการเลือกตั้งปี 2570 ยังมีความหวังอยู่

 

ส่วนที่มีการปล่อยข่าวงูเห่าออกมาตลอด มองว่าคนปล่อยหวังผลอะไร นาย ปิยบุตร กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเทศกาล เวลาพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ดูเหมือนจะถูกยุบในไม่ช้า ก็จะมีคนตั้งคำถามว่าจะมีการดึง สส. จึงขอฝากคนที่อยากจะดึงไป “ผมว่าไม่มีประโยชน์ เพราะเสียงคุณขาดลอยไปแล้ว ดึงไปก็ไม่มีประโยชน์ รัฐบาลก็มีเสถียรภาพเข้มแข็งดี”

 

เมื่อถามว่าหากตั้งพรรคใหม่ นโยบายแก้ไข ม.112 ควรจะนำไปหาเสียงด้วยหรือไม่ นาย ปิยบุตร กล่าวว่า อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคว่าคิดอ่านอย่างไร แต่ส่วนตัวต้องรอดูว่าความจำเป็นของการแก้ไขยังมีอยู่หรือไม่  พิจารณาเทียบกับแนวความคิดของ ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะทำอะไรได้บ้าง แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับพรรคว่าจะมีความเห็นอย่างไร

ข่าวที่น่าสนใจ