ข่าว

"ก้าวไกล" ยื่นคำโต้แย้งหลักฐานกกต. และศาลรธน. ใช้พิจารณาคดียุบพรรค

"ชัยธวัช" ส่งทีมกฎหมายยื่นคำโต้แย้งหลักฐานใช้พิจารณาคดียุบพรรคของกกต. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงของ ศาลรธน. ใช้หลักฐานเดิมในคดี "พิธา" หวังได้รับความเป็นธรรมเปิดไต่สวน ยังไม่เตรียมพรรคสำรอง เชื่อยังไม่ถูกยุบพรรค

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้า ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญนัดตรวจพยานหลักฐานทั้งฝ่ายโจทก์ (กกต.) และฝ่ายจำเลย (พรรคก้าวไกล) ในคดียุบพรรคก้าวไกล โดยกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ล้มล้าง-เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองหรือไม่ และในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมพิจารณาคดี 

 

นายชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้พรรคก้าวไกลส่งทีมกฎหมายไปยื่นเอกสารคำร้องสองฉบับต่อศาลรัฐธรรมนูญ คือ 1.หมาย ร. โต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานของ กกต. ที่มีการตรวจเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา 

 2.หมาย ศ.โต้แย้งหรือโต้เถียงเป็นเอกสารของศาลรัฐธรรมนูญ นำเข้าสู่สำนวน เป็นพยานหลักฐานที่เคยถูกใช้ในคดีก่อนหน้านี้ (คดีที่สั่งนายพิธาและพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำ) 

พรรคก้าวไกลยื่นคำโต้แย้ง 2 ประเด็น

สำหรับ หมาย ร. เนื่องจากเมื่อเราตรวจเอกสารหลักฐานของ กกต. แล้วพบว่า ตามเอกสารหลักฐานของ กกต. เอง ชี้ชัดให้เห็นว่า กระบวนการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคในคดีนี้เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน เราจึงมีการแย้งไป เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวนในประเด็นที่เราโต้แย้ง รวมถึงเรียกพยานเข้าไต่สวนตามประเด็นที่ได้โต้แย้ง ทั้งตนเอง และ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายมหาชน รวมถึงได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเอกสารเพิ่มเติมจาก กกต. ซึ่งถูกอ้างอิงถึงในพยานหลักฐานที่มีการส่งเข้าสู่สำนวนแล้ว ที่ไม่มีการยื่นเข้ามาด้วย แต่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งพรรคก้าวไกลขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานบุคคลและเรียกพยานเอกสารเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่ากกต.ไม่ได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย

 

หมาย ศ. จากคดีก่อนหน้านี้ ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีการไต่สวนในข้อเท็จจริงที่อ้างถึงพยานหลักฐานและเอกสารดังกล่าวเลย ทำให้พรรคก้าวไกล เราไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้ในแง่ข้อเท็จจริงที่ถูกระบุในคดีเหล่านี้ เพราะไม่มีการไต่สวน ไม่เปิดโอกาสให้เราโต้แย้งในกระบวนการไต่สวน

พรรคก้าวไกลโต้แย้งศาลรธน.นำเข้าสู่สำนวน เป็นพยานหลักฐานที่เคยถูกใช้ในคดีก่อนหน้านี้

ดังนั้น เมื่อคดีก่อนหน้านี้เราขาดโอกาส โดยเป็นการฟังความข้างเดียว และเป็นเอกสารที่มาจากหน่วยงานความมั่นคง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่เป็นการกล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลมีความเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในหลายกรณี 

 

โดยในคำร้อง หมาย ศ. นี้ ได้โต้แย้ง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับฟังพยานหลักฐานเอกสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เป็นเพียงความเห็น หรือการให้ข้อเท็จจริงที่เป็นเท็จ รวมถึงขอให้การมีการไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่มีการถูกกล่าวอ้างในเอกสารด้วย

หัวหน้าพรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่าส่วนจะมีการฟ้องร้องหรือแจ้ง ม.157 กลับหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้เราต้องโต้แย้งและค้าน เพื่อให้ศาลมีการเปิดไต่สวน

 

หากศาลรัฐธรรมนูญไม่เปิดให้มีการไต่สวน พรรคก้าวไกลจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตามกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญมีดุลพินิจที่จะเปิดไต่สวนหรือไม่ก็ได้ จะไต่สวนอย่างไรก็ได้ หรือจะเรียกพยานคนไหนก็ได้ เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญโดยเบ็ดเสร็จ เพียงแต่เราหวังว่า เพื่อให้การพิจารณาคดีในครั้งนี้ ซึ่งมีโทษรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิพรรคการเมือง ควรจะมีการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมถึงโต้เถียงโต้แย้งกันในข้อกฎหมายอย่างเต็มที่รอบด้านสมบูรณ์ถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และให้ได้สัดส่วนกับข้อกล่าวหาที่มีโทษถึงขั้นยุบพรรคและตัดสินกรรมการบริหารพรรค ย้ำว่า เป็นคนละมาตรฐานกับคดีก่อนหน้านี้ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่ดำเนินการไต่สวน เราก็ทำอะไรไม่ได้

 

ส่วนฝ่าย กกต. จะสามารถโต้แย้งเช่นเดียวกับที่พรรคก้าวไกลโต้แย้งได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และไม่ทราบว่าหลังจากวันนี้ไปศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำโต้แย้งของเราอย่างไร คงต้องรอการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ แต่คิดว่าด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลที่เราอธิบายไปนั้น ก็หวังว่าจะมีน้ำหนักและเป็นประเด็นสำคัญแห่งคดีมากพอ

 

ส่วนกรณีที่ศาลเคยออกมาห้ามไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ นายชัยธวัช ยืนยันว่า การแถลงในครั้งนี้ของตนไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ ตนแค่แถลงความคืบหน้าว่า เราพบอะไรในการตรวจพยานหลักฐาน และวันนี้ทำไมจึงไปยื่นคำร้องโต้แย้งหรือโต้เถียงพยานหลักฐานแค่นั้น และคิดว่าคงไม่ได้ไปกับกระทำการในสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เตือนไว้

 

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถชี้แจงยืนยันไม่ได้ล้มล้างการปกครองอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ที่ผ่านมาชี้แจงไปเยอะมาก ส่วนหนึ่งก็อยู่ในคำแถลงครั้งแรกของนายพิธาด้วย แต่เนื่องจากมีหลายประเด็นเลยไม่ได้ลงรายละเอียด อีกทั้งคำชี้แจงของพรรคก็ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะไปแล้ว สิ่งสำคัญคือเราหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเปิดให้มีการไต่สวนก่อนที่จะมีการวินิจฉัย

 

นอกจากนี้นายชัยธวัชยัง ชี้แจงเพิ่มเติมกรณี เชิญ ศ.ดร. สุรพล เป็นหนึ่งในพยานปากเอกของพรรคก้าวไกลว่า เนื่องจากท่านเป็นศาตราจารย์ด้านกฎหมายมหาชน เราคิดว่ามีข้อต่อสู้เกี่ยวกับข้อกฎหมาย ก็เลยเสนอท่านไป และโดยสถานะของ ศ.ดร.สุรพล เป็นที่ปรึกษา กกต. ถือว่ามีน้ำหนักที่ศาลเห็นว่าสมควรที่จะให้การรับฟัง ด้วย

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงหากพรุ่งนี้ที่ประชุมศาลรัฐธรรมนูญมีแนวทางนัดฟังคำวินิจฉัยเลย นายชัยธวัช กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดไต่สวนหรือนัดวันฟังคำวินิจฉัยเลย เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของศาลฃคงดำเนินการอะไรไม่ได้ ทำได้แต่รอฟังว่าศาลจะเห็นอย่างไรและจะได้เตรียมตัวให้สอดคล้องกับความเห็นของศาล 

 

เมื่อถามว่า ได้มีการเตรียมพรรคสำรองหรือไม่ นายชัยธวัชตอบสั้นๆว่า "ยังไม่ถึงเวลา เราคิดว่าเรายังไม่ควรจะถูกยุบพรรค"

ข่าวยอดนิยม