ข่าว

“พิธา” ประกาศทั้งน้ำตา เราจะชนะจนกว่าเขาจะยอม

08 ส.ค. 2567

“พิธา” ประกาศกลางเวทีปราศรัยทั้งน้ำตา เราจะชนะจนกว่าเขาจะยอม ลั่นการเลือกตั้งปี 2570 วางเป้ากวาด 270 ที่นั่ง

พิธา หลั่งน้ำตา

วันที่ 8 ส.ค.2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.00 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นเวทีปราศรัยปิดท้ายที่ลานกิจกรรม พรรคก้าวไกล ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ ยุบพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า พวกเขาทำอะไรพวกเราไม่ได้ เราจะไม่ชินชากับการเมืองแบบนี้ เป็นเกียรติสูงสุดของชีวิตที่ผมได้มีโอกาสรับใช้ประเทศชาติ พี่น้องประชาชน ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมพรรคมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล เป็นความรู้ที่จะไม่มีวันลืม

 

วันนี้ ขออำลาพวกท่านในฐานะนักการเมือง ผู้แทนราษฎร และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่ได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และพร้อมกลับมาในฐานะประชาชนที่สู้ไปพร้อมกับทุกคน

“แม้ว่าเขาจะตัดผม แต่เขาตัดผมออกจากประเทศไทยและประชาชนไม่ได้“ นายพิธากล่าว จากนั้นแฟนคลับ ต่างตะโกนว่า ”นายกฯ พิธา“ เป็นเหตุให้นายพิธา เริ่มมีน้ำตา และปาดน้ำตา โดยบอกว่า ”เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ“ จากนั้นนายพิธา จึงทำสัญลักษณ์มือเป็นรูปหัวใจ

 

นายพิธา กล่าวด้วยว่า อยากบอกกับพี่น้องประชาชนให้มั่นใจ เพื่อน ๆ ที่สู้กันมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พวกเขาจะสามารถทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีได้อย่างแน่นอน พี่น้องประชาชนจำได้หรือไม่ วันที่ทุกคนคิดว่าเราแพ้ เราชนะในเกมที่ถูกดีไซน์ให้พวกเราแพ้ เราชนะได้เพราะพวกท่านเชื่อในตัวเองว่า ทุกคนมีอำนาจเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ จงจำความรู้สึกวันนั้นไว้

พิธา สวมกอด ชัยธวัช

“แม้ไม่มีผมในทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา หรือการเมืองไทย แต่ผมยังอยู่ในใจของพี่น้องประชาชน และพี่น้องประชาชนยังเชื่อมั่นในพลังของตนเอง ประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแน่นอน“ นายพิธา กล่าว

 

อยากให้พี่น้องประชาชนฟังคำของผมเอาไว้ เขาอยากได้อะไร เราจะไม่ให้พวกเขาเด็ดขาด ยุบพรรค ยุบโลโก้ ยุบสีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเค้ายุบความหลังของเราได้สำเร็จเมื่อไร เท่ากับเรายกประเทศไทยใส่พานเงินให้เขาทันที

 

นายพิธา กล่าวด้วยว่า เศร้า เสียใจได้แค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้เราจะก้าวต่อไปเพื่อรัฐบาลที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ เราจะชินชากับเรื่องแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด พร้อมย้ำว่านี่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ เพราะได้ทำเต็มที่แล้ว

 

ห้ามประชาชนชาชินโดยเด็ดขาด ระบอบที่คนทำรัฐประหารได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี แต่คนที่ประชาชนเลือกมาถูกแบนจากการเมือง เราจะชนะจนกว่าเขาจะยอม ปี 2570 อย่างน้อยที่สุดต้องได้ 270 เสียง ถึงวันนั้นพิธา จะเป็นคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์การเมืองไทย พรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคสุดท้ายที่โดนเลือกมาโดยประชาชนและถูกทำให้หายไปโดยไม่กี่คน เมื่อเรามีพลังมากๆขนาดนั้นก็ยกเลิกกฎหมายไปเลยว่า ต่อไปนี้จะไม่มีการยุบพรรคอีกต่อไปในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และที่สำคัญที่สุดจะไม่มีการทำรัฐประหารอีกต่อไป ให้อำนาจสูงสุดมาเป็นของประชาชน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนนายพิธาจะขึ้นเวที ได้สวมกอดนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลด้วย

 

ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล  - Move Forward Party โพสต์ถึงอดีตกรรมการบริหารพรรคและอดีตสส.พรรคก้าวไกล ทยอยขึ้นกล่าวปราศรัย อาทิ

 

พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่เวลาที่เราต้องเสียใจ หากมีใครที่ต้องเสียใจ คนนั้นคือคนที่รู้อยู่แก่ใจว่าการยุบพรรคการเมืองในลักษณะแบบนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย  คือ คนที่รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำไปไม่ควรนำไปสู่การยุบพรรค แต่แม้จะรู้ข้อเท็จจริงนี้ทั้งหมด ก็อดใจไม่ได้ที่จะรู้เห็นเป็นใจหรือเห็นดีเห็นงามกับการยุบพรรคเพื่อทำลายล้างกันทางการเมือง

 

วันนี้คนพวกนี้อาจเปิดไวน์ฉลองที่ห้องใดห้องหนึ่ง แต่พวกคุณจะดีใจได้อีกไม่นาน เพราะสิ่งที่คุณคิดว่าคุณได้ทำลายล้างไปแล้วในวันนี้ จะฟื้นคืนชีพกลับมาแข็งแกร่งและทรงพลังกว่าเดิม”

 

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า ก้าวไกลคือผู้คนและการเดินทาง ไม่ว่าอนาคตจะเป็นพรรคอะไร ความฝันของเราเรียบง่าย คือการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ดีขึ้น ตอบสนองความต้องการของประชาชน แม้วันนี้เราถูกทุบทำลายอีกครั้ง แต่เรายึดโยงอยู่ในอุดมการณ์เดียวกัน เราไปด้วยกันต่อ แต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราเปลี่ยนประเทศนี้ได้ คือเราต้องทำให้เขาเชื่อว่าเราไม่ได้เป็นศัตรูกับเขา เว้นแต่เขาอยู่ตรงข้ามประชาชน

 

เวทีในการต่อสู้หลังจากนี้ไม่ใช่แค่เวทีตั้งพรรคใหม่หรือหายอดบริจาคหรือหายอดสมาชิกใหม่ แต่เรามีภารกิจร่วมกันคือการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 และการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรีและการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ นี่คืออำนาจที่อยู่ที่ปลายปากกาของประชาชน

ไหม ศิริกัญญา ตันสกุล

ไหม ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า นี่เป็นการถูกยุบพรรคครั้งที่ 2 ใครจะชิน ตนไม่ชิน เหมือนผู้มีอำนาจในประเทศนี้คิดว่าประชาชนคิดเองไม่ได้ ต้องคอยบอกว่าจะทำอย่างไร บอกว่าเราขีดชะตาชีวิตตัวเองไม่ได้ แต่จริงๆแล้วเรากำหนดเองได้ อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชน ประชาชนคือผู้ที่จะบอกผู้แทนราษฎรอย่างเราว่าควรทำอะไรต่อ วันนี้เราจะแปรความแค้นความโกรธเป็นพลังเพื่อสู้ต่อไป

ชัยธวัช ตุลาธน

ชัยธวัช ตุลาธน กล่าวว่า บอกว่าพรรคก้าวไกลเซาะกร่อนบ่อนทำลาย แล้วพรรคการเมืองที่เอาความจงรักภักดีมาหาเสียง บอกว่าจงรักภักดีกว่าใคร ชี้หน้าว่าก้าวไกลไม่จงรักภักดี แล้วแพ้การเลือกตั้งได้มาไม่กี่เสียง ใครเซาะกร่อนบ่อนทำลายกันแน่ ตนเสนอว่าคราวหน้าถ้ามีโอกาสทำรัฐธรรมนูญใหม่ พิจารณาช่วยกันบอกว่าจะเอาไว้ดีไหมศาลรัฐธรรมนูญ มีแบบนี้มีไว้ทำไม

 

ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้าย ภูมิใจมากที่ได้ทำหน้าที่แม้เพียงช่วงสั้นๆ ขอขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนเรามากขึ้นๆ และเชื่อว่าจะมากกว่านี้อีก วันนี้พวกเขารวมหัวยุบพรรคก้าวไกล แต่ไม่สามารถยุบก้าวไกลในใจประชาชน ไม่สามารถยุบความหวังและความฝันของเราที่อยากเห็นประเทศไทยที่ดีกว่านี้

 

วันนี้พลังเก่าไม่ยอมตาย พลังใหม่กำลังจะเกิด สุดท้ายอนาคตจะเป็นของเรา การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มากพอ เดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้มากกว่านี้ เพื่อพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธความต้องการของพี่น้องประชาชนได้อีกต่อไป”

 

ภาพ ศุกร์ภมร เฮงประภากร (Sukpamorn Hengprapakorn)

#NationPhoto 

พิธา ปาดน้ำตา