8 ส.ค. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และอดีตสส.พรรคก้าวไกล ตอบคำถามถึงสิ่งที่จะทำหลังจากศาลถูกตัดสิทธิทางการเมือง ว่า คงเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนที่อยู่ข้างหลัง ทุกคนช่วยเหลือตนมายังไง ตนก็จะตอบแทนกลับ ขณะนี้มีหนังสือ 2 เรื่องยังไม่เสร็จ เรื่องหนึ่ง คือบันทึกส่วนตัวตั้งแต่ยุบสภาจนถึงยุบพรรค อีกเรื่องเกี่ยวข้องกับความเป็นพ่อของนักการเมือง "ลูกสาวผู้แทน" ที่อยากจะเก็บไว้ให้ลูกอ่าน และเป็นกำลังใจให้กับพ่อแม่วัยกลางคนที่ต้องทำงานหนัก
พร้อมทั้งอยากใช้เวลาในการเรียนรู้โลกใหม่ เพราะเป็น สส.มา 5 ปี รู้สึกว่าตามโลกไม่ทัน สุดท้ายอยากจะใช้เวลาที่เหลือ ส่งต่อความรู้เรื่องทรัพยากรในระบบการเมืองไทยที่ให้กับคนที่อยากมาเล่น และบอกทิ้งท้ายอีกว่า "อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นอีกรอบหนึ่ง"
นายพิธา ยังกล่าวถึงการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่อ้างไปถึงมารยาทของการแสดงความคิดเห็นจากสถานทูต และต่างประเทศ ว่า ตนกังวลใจ เพราะแต่ละส่วนเกี่ยวข้องกับประชาคมโลกไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นิติบัญญัติ ตุลาการ ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
อีกทั้งประเทศไทยต้องการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ทั้ง FTA OECD ขณะเดียวกันฝั่งตุลาการอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ในช่วงกลางเดือน ก็จะมีการเชิญร่วมประชุมนานาชาติ และมีส่วนหนึ่งที่ระบุถึงความเกี่ยวข้องของศาลรัฐธรรมนูญไทยกับต่างประเทศ ซึ่งตนพูดในฐานะนิติบัญญัติ การจะพูดถึงประชาคมโลก หรือตำหนิใครแรงๆ ก็ต้องระวัง
การที่ไปเตือนว่าอาจจะสะท้อนกลับมาหาเราได้ ไม่ใช่ว่าจะยึดว่าประเทศเรามีกฎหมายแบบเดียว ทั้งๆ ที่ก็มีกฎหมายสากลอยู่ด้วย อีกทั้งการเชิญศาลอื่นมาประชุมก็หมายความเรายอมรับ เราพูดถึงเขาได้ เขาก็ต้องพูดถึงเราได้
นายพิธา ทิ้งท้ายว่า ก็หวังว่าจะไม่อยากให้เกิดผลร้ายอะไรกับประเทศไทย แต่ก็ไม่สามารถไปเดาใจกับหน่วยงานประชาคมโลกได้ เพราะเราควารจะให้ประเทศชาติบ้านเมืองมาเป็นอันดับแรก
ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอถือโอกาสคืนเวลาให้กับครอบครัวได้มากขึ้น เพราะถือว่าเป็นกองหลังที่ให้เวลาเรามาทำงาน ส่วนการเมือง แม้ไม่มีสิทธิ์ทางการเมือง ก็คงเป็นส่วนช่วยสนับสนุนใน สส. อดีตพรรคก้าวไกลที่เหลือยู่ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญและคิดอยากจะทำ เพราะตอนที่เราเป็นเคยเป็นผู้บริหารทางการเมืองก็ยังไม่มีเวลาทำ คือ จะไปร่วมสร้างบุคลากรทางการเมืองที่มีคุณภาพในอนาคต โดยไม่ได้เป็นผู้บริหารพรรคการเมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง