"จุลพันธ์" ไม่ยืนยัน "ดิจิทัลวอลเล็ต" ได้ไปต่อ รอนายกฯคนใหม่-ครม.ชุดใหม่
"จุลพันธ์" เผย ต้องรอนายกฯคนใหม่และครม.ชุดใหม่ ตัดสินใจ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ระหว่างนี้คณะทำงานเดินหน้าพัฒนาระบบต่อ ขอปชช. มั่นใจแอปทางรัฐจะไม่ถูกลบ
ประชาชนเกิดคำถามว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลหลังจากนี้จะยังเดินหน้าต่อหรือไม่ เนื่องจากนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังคงเดินหน้าต่อ แต่เมื่อกลไกการเลือกนายกรัฐมนตรี การตั้งรัฐบาล และการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ ก็จะต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะต้องให้เกียรตินายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่า สุดท้ายแล้วจะร่างนโยบายอย่างไร รวมถึงตัดสินใจว่านโยบายใดเดินหน้าได้ ตนเอง ไม่สามารถให้คำตอบได้มากกว่านี้ เพราะจะต้องรอพูดคุยกัน
แต่ในระหว่างนี้คณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง จะยังคงมีการประชุมเพื่อหารือเดินหน้าโครงการต่อไป รวมถึงการรอประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงบ่ายนี้ (15 ส.ค.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรักษาการจะกำหนดให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ และกำหนดกรอบการทำงานเท่าที่สามารถทำได้ เพราะยังคงมีภาระหน้าที่ ที่รัฐบาล ต้องช่วยเหลือประชาชนอยู่ ซึ่งบางโครงการอาจต้องชะลอไปก่อน แต่น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในสัปดาห์หน้า
นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่มี สส. 141 คน หากจะมีการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยร่วมด้วย ก็จะเสนอนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เป็นหนึ่งในนโยบายที่ควรขับเคลื่อน ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับการเจรจา และแต่ละฝ่ายจะมีความเห็นอย่างไร พร้อมย้ำว่า ในฐานะรัฐบาลรักษาการและมติคณะรัฐมนตรีที่เคยให้เดินหน้าโครงการนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ และดำเนินการตามกรอบที่กฎหมายให้สามารถทำได้ ทั้งการเตรียมความพร้อม การลงทะเบียน และการพัฒนาแอพลิเคชัน แต่ความชัดเจนทั้งหมด จะต้องรอหลังรัฐบาลชุดใหม่ และพรรคเพื่อไทย จะนำโครงการนี้ ไปหารือกับรัฐบาลชุดใหม่ด้วย
ส่วนความกังวลโครงการจะถูกยกเลิกและต้องลบแอพลิเคชันทิ้งไป นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า แอพลิเคชันทางรัฐ เป็นแอพลิเคชันหลักสำหรับบริการประชาชน ไม่ใช่แอพลิเคชันเฉพาะดิจิทัลวอลเล็ต หรือแอพลิเคชันสำหรับการใช้จ่าย แต่แอพลิเคชันดังกล่าว มีการให้บริการทางรัฐหลากหลาย มีความปลอดภัยสสูงสุด จึงขอให้มั่นใจในความปลอดภัย และข้อมูลก็เป็นข้อมูลที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ พร้อมย้ำว่า แอพลิเคชันทางรัฐ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และไม่จำเป็นต้องลบแอพลิเคชันทิ้ง