ข่าว

อัยการแจง “ชัยเกษม” ไม่เกี่ยวกับคดี สั่งไม่ฟ้อง “พิชิต”

อัยการแจง “ชัยเกษม” ไม่เกี่ยวกับคดี สั่งไม่ฟ้อง “พิชิต”

15 ส.ค. 2567

โฆษกอัยการแจง “ชัยเกษม นิติสิริ” ไม่ได้เป็นคน สั่งไม่ฟ้อง “พิชิต ชื่นบาน” ชี้ข่าวคลาดเคลื่อน พร้อมลำดับขั้นตอนการสั่งคดีละเอียดยิบ

โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

15 ส.ค. 2567 นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันเเถลงข่าวชี้แจงกรณี พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายพิชิต ชื่นบาน กับพวก รวม 3 คน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2551 ระบุว่า

 

ตามที่มีบางสำนักข่าวนำเสนอข้อเท็จจจริงว่า นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด เป็นผู้สั่งไม่ฟ้องคดีนายพิชิต ชื่นบาน กับพวก รวม 3 คน โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจสอบสำนวนคดีดังกล่าวแล้ว ยืนยันยันว่าข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง โดยนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการสั่งคดีดังกล่าว

ลำดับขั้นตอนและการสั่งคดีดังกล่าว ดังนี้

 

1.สำนวนคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2551 สำนักงานคดีอาญา โดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้รับสำนวนพร้อมความเห็นเสนอสั่งไม่ฟ้อง จากพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม คดีกล่าวหานายพิชิต ชื่นบาน ที่ 1 นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ที่ 2 นายธนา ตันศิริ ที่ 3 ข้อหาร่วมกันให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 09.00 น. ในท้องที่แขวงพระพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยสำนวนดังกล่าว พนักงานสอบสวน เห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคน โดยเห็นว่าผู้ต้องหาทั้งสาม ไม่ได้กระทำผิด ตามข้อกล่าวหา

 

2.เมื่อพนักงานอัยการได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนแล้ว นายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา อัยการคดีอาญา 7 ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจพิจารณาสำนวน ประกอบด้วย นายยงยุทธ ศรีสัตยาชน อัยการจังหวัด นายสมบูรณ์ ศุภอักษร อัยการอาวุโส เป็นคณะทำงาน โดยมีนายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยได้ตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้ว เห็นพ้องกับความเห็นของคณะพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม พร้อมเสนอความเห็นต่อร้อยตำรวจโท ธานี วุธยากร รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณา และขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งร้อยตำรวจโทธานี วุธยากร รองอธิบดีอัยการฯ พิจารณาแล้วได้มีความเห็นและเห็นควรสั่งไม่ฟ้องตามเสนอผู้ต้องหาทั้งสาม จากนั้นได้เสนอสำนวนให้นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการ สำนักงกงานคดีอาญา พิจารณา

 

3.ต่อมานายกายสิทธิ์ ได้พิจารณาแล้วมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 โดยมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามตามความเห็นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ซึ่งเป็นคณะทำงาน และรองอธิบดีอัยการเสนอ ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาสั่งคดีข้างต้น จะเห็นได้โดยชัดเจนว่านายชัยเกษมฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งสำนวนคดีดังกล่าว

 

เมื่อนายกายสิทธิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา มีคำสั่งไม่ฟ้อง ได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยพลตำรวจโท ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2552 ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา

 

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง ถือว่า คำสั่งไม่ฟ้องเสร็จเด็ดขาดตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้นการที่มีการนำเสนอข่าวว่า นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด เป็นคนสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว จึงไม่ถูกต้องและไม่เป็นความจริง

 

 

เมื่อถามว่า อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา สั่งไม่ฟ้องนายพิชิต กับพวกในยุคอัยการสูงสุดคนใด นายประยุทธ กล่าวว่า ช่วงที่นายชัยเกษม เป็นอัยการสูงสุด เเต่ในวันที่พลตำรวจโทชาตรี มีคำสั่งไม่เเย้งมาเป็นช่วงของนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ เป็นอัยการสูงสุด เเต่ทั้ง 2 ท่านไม่มีส่วนใดๆในการสั่งคดี

 

นายนาเคนทร์ กล่าวถึงเหตุผลของอัยการในการสั่งไม่ฟ้องนายพิชิตกับพวก ว่า มองว่าการกระทำของผู้ต้องหาขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเหตุผลหลักที่พนักงานสอบสวนเเละอัยการสั่งไม่ฟ้อง จากสำนวนคดีเห็นว่า เจ้าหน้าที่ธุรการตำเเหน่งนิติกร 5 ประจำเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงคำเเหน่งทางการเมืองได้รับถุงที่ภายในบรรจุเงินจำนวน 2 ล้านบาท ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดี เเล้วก็ในทางสอบสวนคำให้การของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ให้การว่า คนที่นำถุงขนมใส่เงินคือนายธนา เเละไม่ได้พูดให้ไปกระทำการหรือไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่

 

อีกทั้งไม่มีข้อเท็จจริงว่า ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไปประสานงานกับผู้พิพากษาที่มีอำนาจในการตัดสินคดีเพื่อที่จะให้คุณให้โทษเเก่นายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 3 จึงขาดองค์กระกอบความผิดในเรื่อง เจตนาพิเศษที่จะให้ไปกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เเละเมื่อฟังได้ว่านายธนาไม่มีความผิด นายพิชิตกับพวกอีกคนหนึ่ง จึงไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน สั่งไม่ฟ้อง

 

นายประยุทธ กล่าวเสริมว่า นายพิชิตเป็นทนายความในคดีอาญาที่ฟ้องกันในศาลฎีกาฯนักการเมือง ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นเสมียนทนายความ นายธนา ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ประสานงานคดี คนที่เอาเงินไปให้เจ้าหน้าที่ศาลคือนายธนา ไม่มีข้อเท็จจริงจากพยานฝ่ายเจ้าหน้าที่ศาลว่าเงินให้เอาไปทำอะไรยังไง เเละไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องความเชื่อมโยงกับผู้พิพากษาซึ่งทำหน้าที่ตัดสินคดี