"ภูมิธรรม" โยน พปชร. เคลียร์รายชื่อ รมต. ให้ชัด หลัง 3 บิ๊ก โทรดีลไม่ตรงกัน
"ภูมิธรรม" โยนให้ พปชร. ไปเคลียร์ชื่อ รมต. ให้ชัดเจนหลัง 3 บิ๊ก โทรดีลไม่ตรงกัน ย้ำเพื่อไทยไม่รังเกียจใครแต่ต้องชัดเจน หวั่นเกิดปัญหา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฯ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ (19 ส.ค. 2567) ถึงการสรุปโควตารัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย โดยยืนยันว่า ไม่มีการพูดคุยถึงการเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรคฯ ในที่ประชุม เนื่องจาก เป็นการประชุมทั่วไป โดยเป็นการหารือร่างกฎหมายที่จะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎร และยังไม่ได้มีการตัดสินใจใดๆ เนื่องจาก ไม่ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ที่มีหน้าที่คัดเลือกบุคคลเข้ามา
ส่วนจะได้ข้อสรุปของ พรรคเพื่อไทย เมื่อใด เนื่องจากจะต้องส่งชื่อภายในวันนี้ (20 ส.ค. 2567) นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า อยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการบริหารฯ จะพิจารณา และจากที่ตนเป็นผู้ประสานงาน ก็ได้แจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลทราบแล้ว เพื่อส่งต่อรายชื่อให้นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประสานต่อ เนื่องจาก จะต้องมีขั้นตอนการตรวจสบคุณสมบัติ ซึ่งคาดว่า ภายในวันนี้น่าจะครบ
นายภูมิธรรม ยืนยันว่า จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติให้ถูกต้อง และอย่างน้อยที่สุดฝ่ายบริหารจะต้องปกป้องหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้ระบุว่า หากใครมีชะนักติดหลังแล้วจะไม่รับพิจารณา แต่ขอให้พรรคนั้นๆ ไปตรวจสอบมาตามกฎหมาย เพราะไม่สามารถแต่งตั้ง หรือจัดการใดๆ นอกกฎหมายได้
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงความชัดเจนของพรรคพลังประชารัฐ หลังชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อาจมีปัญหาคุณสมบัติว่า ตนเองยังไม่เห็นรายชื่อ แต่ให้พรรคพลังประชารัฐ ไปพูดคุยกันให้เสร็จสิ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีคนของพรรคพลังประชารัฐ โทรมาประสานตนถึง 3 คน จึงขอให้พรรคพลังประชารัฐไปจัดการให้ชัดเจน แต่เบื้องต้น ตนเองยังไม่เห็นรายชื่อว่า มีใครบ้าง ทราบแต่เพียงจากข่าวเท่านั้น จึงไม่ขอก้าวล่วง เนื่องจาก เป็นเรื่องภายในของ พรรคพลังประชารัฐ แต่ที่สำคัญ รัฐบาลจะต้องเป็นเอกภาพ ร่วมมือกันทำงาน และทำนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาลักษณะแบบเดิม
ส่วน พรรคเพื่อไทย ยังเป็นห่วงคุณสมบัติของร้อยเอกธรรมนัสหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า วันนี้ จะต้องทำให้ดีที่สุด และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปตรวจสอบคุณสมบัติให้เข้มข้น จึงขึ้นอยู่กับกระบวนการตรวจสอบนี้ให้เกิดความชัดเจน เพื่อตัดสินใจดำเนินการอย่างไรต่อไป และเป็นการคัดกรองในชั้นแรก จากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจและปลอดภัยที่สุด พร้อมชี้แจงว่า การตรวจคุณสมบัติ จะแล้วเสร็จเมื่อใดนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเอง แต่ขึ้นอยู่กับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า จะตรวจสอบเสร็จเมื่อใด เนื่องจาก มีความยากลำบาก แต่จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นด้วยความรอบคอบ โดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการ ร.อ.ธรรมนัส ให้เข้าร่วมรัฐบาลนั้น นายภูมิธรรม ไม่ได้ให้ความเห็น พร้อมชี้แจงว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ระบุว่า ต้องการใคร หรือไม่ต้องการใคร แต่ให้ทุกคนส่งชื่อมา เพื่อไปตรวจสอบประวัติ โดยไม่ได้ระบุไปที่ตัวบุคคล เพราะจะเกิดความสับสน และเท่าที่เห็นขณะนี้ หลายพรรคการเมือง ได้ส่งชื่อมาชัดเจนแล้ว เว้นเพียงพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังมีหลายความเห็น เพราะมีผู้โทรประสานตนมาถึง 3 คน จึงขอให้ไปพูดคุยกันในพรรคฯ ให้เสร็จสิ้น
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงกรณีของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข้อสังสัยเรื่องคุณสมบัติเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบ เพราะทุกพรรค สามารถส่งชื่อมาได้ แต่เมื่อจะตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว จะต้องมีการเห็นชอบร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ
ส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งชื่อมาหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ย้ำว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้ติดตามว่า พรรคอื่นมีการส่งรายชื่อมาหรือไม่ เพราะได้มอบหมายให้นายแพทย์พรหมินทร์ เป็นผู้รวบรวม และย้ำอีกว่า ขณะนี้ ยังเป็นเพียงการพูดคุยภายในพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น
นายภูมิธรรม ยังปฏิเสธที่จะกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประรัฐ ต่อสายถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนจะมีการพูดคุยกับคนในพรรคเพื่อไทยระดับใด ก็ขึ้นอยู่กับพูดคุยถูกช่องทางหรือไม่ หากไปพูดคุยกับผู้ที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ ก็จะไม่มีความชัดเจน และขึ้นอยู่กับว่า นายกรัฐมนตรี ตั้งใดตั้งใครเป็นผู้ประสานงาน ก็จะต้องประสานกับผู้นั้น
นายภูมิธรรม ยังยืนยันว่า จากการที่ตนเองให้สัมภาษณ์ ถึงการไปสอบถาม พล.อ.ประวิตร ที่จะต้องให้ความเจนถึงการร่วมรัฐบาลนั้น ไม่ใช่เป็นการบีบให้ พล.อ.ประวิตร มามอบตัวว่า ตนจะไปกล้าพูดเช่นนั้นหรือ แต่การจะร่วมรัฐบาลต้องมีความชัดเจน และยังมีสื่อมวลชนมาถามอีกว่า คณะรัฐมนตรีจะไม่มี วงษ์สุวรรณ ซึ่งตนเองไม่ได้กล่าวถึงขนาดนั้น และให้ไปสอบถามพลเอกประวิตรเองว่า คิดอย่างไร รวมถึงไม่ได้เป็นการแสดงความรังเกียจใดๆ เพียงแค่อยากให้มีความชัดเจนเท่านั้น