ข่าว

กับดัก "จริยธรรม" ตัวชี้วัด ศึกชิงเก้าอี้ รมต. ชุดใหม่ "ไม่มีคำไหนคำนั้น"

กับดัก "จริยธรรม" ตัวชี้วัด ศึกชิงเก้าอี้ รมต. ชุดใหม่ "ไม่มีคำไหนคำนั้น"

26 ส.ค. 2567

ครม. อิ๊ง 1 ใครจะอยู่ใครจะไป โฉมหน้า รมต.ใหม่ ได้เห็นภายในสิ้นเดือน ส.ค. นี้ ลุ้น! 2 เก้าอี้ รมต. พรรคปชป. เจ้าของวลี "คำไหนคำนั้น" เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต

กระแสข่าวดึง 21 เสียง ของพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล พร้อมมีการส่งชื่อ "ต่อ" เฉลิมชัย ศรีอ่อน และ "นายกชาย" เดชอิศม์ ขาวทอง ชิงนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ดูเหมือนว่า เฉลิมชัย ศรีอ่อน และ เดชอิศม์ ขาวทอง กำลังเจอกรรมเก่าไล่ล่า เพราะมีเรื่องร้องเรียนค้างคาอยู่ใน ป.ป.ช. รวมถึงคดีความของคนใกล้ชิด

การตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรม สส. ก่อนที่จะก้าวขึ้นมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรี ในรัฐบาลแพทองธาร ต้องบอกว่า เข้มข้นอย่างมาก เพราะมีตัวอย่างจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย เศรษฐา พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปมตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี โดยศาล รธน.เห็นว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีลักษณะต้องห้าม


นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2565 หากจำกันได้ก่อนการเลือกตั้ง เฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ณ ขณะนั้น ได้กล่าว ระหว่างร่วมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้สโลแกน "รวมพลัง 30 เลือดใหม่ทวงปักษ์ใต้คืน" จ.สงขลา ยืนยันพื้นที่ภาคใต้ 58 ที่นั่งพร้อมสู้ทุกเขต และมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้ ส.ส. ทั่วประเทศมากกว่า 52 ที่นั่ง

เพราะ หากได้ ส.ส.น้อยกว่า 52 ที่นั่ง ประกาศ วลีเด็ด "คำไหนคำนั้น" ตัวเลข ส.ส.ไม่ถึงเป้า "เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต"

ต่อมาในเดือน ธ.ค. 2566 มติที่ประชุมใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ เห็นชอบให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ก้าวขึ้นมาเป็น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

ในขณะนั้น นายเฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ว่า การก้าวเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นแค่การเข้ามาแก้วิกฤตให้พรรคเดินต่อไปได้ และ ปชป. จะปรับเปลี่ยนและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาได้มากขึ้น พร้อมกับทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยยึดมั่นอุดมการณ์ และแนวทางของพรรคอย่างที่เป็นมาโดยตลอด

"ผมอยู่พรรคมา 22 ปีเต็ม ๆ หลักการอุดมการณ์ในประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยน... ถ้าใครบอกว่า ประชาธิปัตย์ไม่มีอุดมการณ์ไม่มีจิตวิญญาณแล้ว ผมว่าขอให้มองประชาธิปัตย์ด้วยใจที่เป็นธรรม"  

 

 

แต่เมื่อปัจจุบันการเมืองเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน พรรคประชาธิปัตย์ ตอบรับร่วมรัฐบาล แม้ว่าคนในพรรคบางส่วนไม่เห็นด้วย กับการร่วมเพื่อไทยเป็นพรรครัฐบาล คำค้านไม่เป็นผล พรรค ปชป. พร้อมส่งชื่อ เฉลิมชัย- เดชอิศม์ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ในโควตา 1 รมว. และ 1 รมช. ดังนั้น วลี "เฉลิมชัย" ที่ว่า "คำไหนคำนั้น" และพร้อม เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต  หรือจะเป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง

นอกจาก "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย แห่งพรรค ปชป.แล้ว ก็ยังมีอีกหลายพรรค ที่กลืนน้ำลายตัวเอง เช่น

1. กปปส. เคยขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลเพื่อไทย และตระกูลชินวัตร วันนี้แกนนำ กปปส. บางคน กำลังจะเข้าไปเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเพื่อไทย

2. ประชาธิปัตย์ เคยเป็นคู่ต่อสู้ถาวร และศัตรูการเมืองแบบ "น้ำกับน้ำมัน" ของพรรคชินวัตร ถึงขั้นอภิปราย "ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่"

วันนี้ประชาธิปัตย์ กำลังจะเข้าร่วมรัฐบาลครั้งแรกกับเพื่อไทย และอาจเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลายคนเชื่อว่า จะกลายเป็นพรรคต่ำสิบ หรือ "พรรคหลักหน่วย" ขณะที่แกนนำบางคน อาจถูกย้อนเกล็ดด้วยวลีที่ว่า "ระวังไม่มีพรรคอยู่"

มีกระแสข่าวว่า "เสี่ยต่อ" เฉลิมชัย เตรียมดำรงตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วน "นายกชาย" เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค เตรียมนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วย กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง
 

กับดัก \"จริยธรรม\" ตัวชี้วัด ศึกชิงเก้าอี้ รมต. ชุดใหม่ \"ไม่มีคำไหนคำนั้น\"

คำถามคือ เมื่อยังไม่มีเทียบเชิญ ยังไม่มติพรรคให้เข้าร่วมรัฐบาล การส่งชื่อโดยไม่ผ่านกรรมการบริหารพรรค ถือว่าผิดกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับพรรคอะไรหรือไม่ เพราะดูเหมือนพรรคพลังประชารัฐ ที่แตกออกเป็น 2 เสี่ยง ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน คือมีการส่งโผรายชื่อรัฐมนตรีไปอย่างน้อย 2 โผ ให้พรรคแกนนำ

ประเด็นนี้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ออกมายอม ว่า รายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรี ที่ส่งมา มีเยอะกว่าตำแหน่งที่จะตั้งได้ แปลว่าต้องมีบางพรรค ส่งหลายโผ หรือส่งเกิน ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่มีรายการ "แอบส่ง" โดยไม่ผ่านมติพรรค