สั่งสอบด่วน ปมผู้ว่าไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ “อนุทิน” รับอายเพราะเป็นลูกน้องที่ตนรับผิดชอบ | คมชัดลึก

26 ส.ค. 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ชี้แจงเหตุไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทราบภายใน 3 วัน และขอให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยกำชับการปฏิบัติของผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก

เนื้อหาระบุว่า ด้วยในวันที่ 24 สิงหาคม2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์ แก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ในเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย) ณ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้ ปรากฏว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธาธารณภัยจังหวัด มิได้ประจำอยู่ในพื้นพื้นที่ เพื่อบัญชาการเหตุการณ์ และแก้ไขปัญหาในเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และในตลอดช่วงวันดังกล่าว มิได้มีการประสานงานเพื่อชี้แจง

สาเหตุของการไม่อยู่ในพื้นที่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ผู้ประสบสาธารณภัยต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่อย่างใด ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงได้สั่งการทางไลน์แอปพลิเคชัน ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยพิจารณาดำเนินการ และรายงานผลให้ทราบ

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีการเดินทาง ลงพื้นที่ไปยัง จังหวัดเชียงราย ว่า ไม่อยากให้สนใจ เนื่องจากเหตุการณ์ได้ผ่านไปแล้ว และยืนยันว่าการลงพื้นที่ได้มีการแจ้งปฎิบัติภารล่วงหน้า ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ  เพราะมีรักษาการรัฐมนตรี ซึ่งก็คือนายกรัฐมนตรี ไปพร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายมาต้อนรับ แต่มาปฎิบัติหน้าที่ทำงานร่วมกัน

แต่ว่าการที่สังคมโซเชียลมีการปั่นกระแสว่า “ต้องให้ผู้ว่าฯ รับด้วยหรอ?” ขอยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะเวลาส่วนตัวที่มีการเดินทางไปไหว้พระที่ จ.ไหน ผู้ว่าฯ ไม่เคยต้องมาต้อนรับ  แต่ถ้าไปปฏิบัติภารกิจก็จำเป็นต้องมา บังคับบัญชาเพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ขออย่าพยายามเบี่ยงประเด็น

ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่ในช่วงเย็น หลังจากที่นายอนุทิน ประกาศตามหานั้น นายอนุทินกล่าวว่า อาจจะผู้ว่าฯ อาจจะกำลังเดินทางกลับเข้าพื้นที่อยู่แล้ว แต่ในเมื่อ ทราบกำหนดการอยู่แล้ว ว่าตนเองและนายภูมิธรรมจะมีการเดินทางลงไปในพื้นที่ ซึ่งกำหนดการ ได้มีการระบุเวลา ไว้ว่าจะเดินทางไปถึง จ.เชียงราย เวลา 09.00 น.

ซึ่งภารกิจ กทม. ของผู้ว่าฯ สำคัญคือได้เสร็จสิ้นไป วันก่อนหน้านั้นแล้ว ในช่วงเวลาไม่เกิน 19:00 น. ซึ่งพอมีช่วงเวลาที่ผู้ว่าฯ สามารถเดินทางกลับพื้นที่ในช่วงไฟลท์บินช่วงเช้าของวันถัดไป หรือ สามารถโทรศัพท์สายตรงมาหาตนเองได้ เพราะตนเองขับเครื่องบินไปเองอยู่แล้ว หากไม่มีไฟลท์บิน หรือขับรถกลับไม่ทัน ตนเองก็พร้อมที่จะเอาเจ้าหน้าที่ของตนเองลง แล้วให้ท่านมาแทน มันมีวิธีการ ถ้าจะไป

เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ไม่อยากให้พูดแล้ว เพราะเป็นการประจานกัน ผมก็อาย เพราะเป็นหน่วยงานของผม ตอนนี้ทุกอย่าง สามารถบริหารจัดการได้แล้ว ไม่ต้องออกประชาสัมพันธ์ว่าอยู่ในพื้นที่ ถ้าจะอยู่ ต้องอยู่ในตอนที่นายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอยู่ ถ้าไปแล้วไม่เจอผู้ว่าฯ อยู่ ก็เป็นเรื่องไม่สมควร งานเสียไม่เสียตนเองไม่รู้ ต้องเข้าใจในระบบกระทรวงมหาดไทย

ซึ่งจนถึงวันนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังไม่มีการรายงานขึ้นมาถึงสาเหตุเหตุการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ แต่ตนเองได้มีการออกหนังสือให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยมีการสอบแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องต่อความยาวสาวความยืด เพราะผู้ว่าฯ กำลังจะ เกษียณอายุแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไร หากหลังจากนี้มีผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ตอบสนองต่อนโยบาย นายอนุทิน ยืนยันว่า หลังจากนี้จะไม่มีแล้ว เชื่อว่าจะสนองทุกคน

ส่วนกรณีที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.จังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทย ออกมาแฉว่า มีภรรยาของคนใน ผู้นำกระทรวงมหาดไทย สั่งให้เดินทางไปรับถุงยังชีพไกลกว่า 100 กิโลเมตร นั้น นายอนุทินย้อนถามว่า ผู้นำคนไหน ภรรยาของตนเองไม่ได้ลงไปในพื้นที่ ซึ่งในกรณีนี้ ขอยืนยันว่า ไม่มี การปฏิบัติงานเป็นไปตามขั้นตอนของส่วนราชการ เมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉินฉุกละหุกแบบนี้ ก็อาจจะมีอะไรกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ไม่ใช่ประเด็น ต้องเอาเป้าหมายและประชาชนมาก่อน

ส่วนกรณีปลัดจังหวัดสระแก้ว ที่มีพฤติกรรมกร่าง อ้างเป็นเด็กบ้านใหญ่ทำร้ายพนักงานเสิร์ฟร้านอาหาร นายอนุทินกล่าวว่า ได้มีการจัดการแล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากมีความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฏหมายทุกขั้นตอน ดำเนินการอย่างร้ายแรงในทุกช่องกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้