27 ส.ค. 2567 ที่ประชุม สส. พรรคเพื่อไทย น่าจะชัดเจนแล้วว่า ไม่ขอร่วมรัฐบาล กับ พรรค พปชร. ส่วนจะเทียบเชิญ พรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่นั้น เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอดูเป็นรายบุคคลและดูสถานการณ์ ซึ่งน่าจะเป็นด้วยเหตุผลเรื่องการตรวจคุณสมบัติ ตามบรรทัดฐานใหม่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีหัวข้อสำคัญเรื่อง “มาตรฐานจริยธรรม” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5)
“แคนดิเดตรัฐมนตรี” หลายคน ซึ่งเป็นรัฐมนตรี อยู่ในปัจจุบันด้วย ให้ข้อมูลว่า เอกสารที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ส่งมาให้กรอกข้อมูลใหม่ มีเพิ่มกว่าเดิมหลายหน้า หลายหัวข้อ เพื่อป้องกันปัญหา “ขัดมาตรฐานจริยธรรม” ตามบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญวางไว้
โดยเฉพาะประวัติการถูกดำเนินคดี มีการให้กรอกเพิ่มเติม จากเดิมเฉพาะคดีอาญา ขยายเป็นคดีแพ่ง คดีปกครอง และคดีอื่นๆ อีกมาก ทำให้ต้องใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลมากพอสมควร
ปัญหาใหญ่จึงอยู่ที่บรรดา “แคนดิเดตรัฐมนตรี” ที่มีข้อครหาทางสังคม แม้ในทางกฎหมายจะยังไม่มีคดีไหนชี้ชัดว่ามีความผิด แต่หากถูกสังคมตั้งคำถาม ไม่เชื่อในความโปร่งใส หรือซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ก็อาจโดนสอยได้ทุกเมื่อเช่นกัน และคนที่ต้องตกเก้าอี้ตามไปด้วย คือ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร
สปอตไลต์ล่าสุดจับไปที่ 2 แคนดิเดต จากพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีปัญหาทั้งคู่
1. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน “เสี่ยต่อ” หัวหน้าพรรค ปชป. แม้ข่าวล่าสุดยืนยันว่า โอกาสมีมากถึง 99% ที่จะได้นั่งเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ “เสี่ยต่อ” ก็ถูกตั้งคำถามเรื่องคดีหมูเถื่อน ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาในคดี และตกเป็น “ผู้ต้องหาสำคัญ” เป็นเลขานุการส่วนตัวของ “เสี่ยต่อ” และอีกคนหนึ่งก็เป็นพี่ชาย หรือญาติผู้พี่ชาวจีน นั่นก็คือ “เฮียเก้า”
แม้ “เสี่ยต่อ” จะไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา แต่การคบค้าสมาคมกับผู้ถูกกล่าวหาในคดีสำคัญระดับประเทศ จะก่อปัญหาจริยธรรมหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป
นอกจากนั้น “เสี่ยต่อ” ยังเคยถูกตั้งคำถามเรื่องการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อครั้งเข้าดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล “ประยุทธ” เกี่ยวกับที่ดิน ภบท.5 ที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 120 ไร่ ซึ่งไม่ตรงกับที่เคยยื่นแสดงเอาไว้ก่อนหน้านั้น สมัยที่ดำรงตำแหน่ง สส.
2. นายเดชอิศม์ ขาวทอง “นายกชาย” เลขาธิการพรรค ปชป. มีข่าวว่า ส่งประวัติไปแล้ว แต่เจ้าตัวก็มีข้อครหาทางสังคม และวิญญูชนตั้งคำถาม โดยเฉพาะคนในภาคใต้ หลังมีภาพถ่ายร่วมกับ “โทนี่ เตียว” อาชญากรข้ามชาติคนสำคัญที่โดนออกหมายจับในคดีฟอกเงิน และทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งในจีน และมาเลเซีย โดยทางการไทยเพิ่งส่งตัวให้รัฐบาลจีน
หากย้อนปฏิบัติการจับกุม “โทนี่ เตียว” เมื่อปี 2565 ทีมงานของ “บิ๊กโจ๊ก” พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. มีการเปิดประวัติว่า “โทนี่ เตียว” เป็นเจ้าของ เอ็มบีไอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ เต็มรูปแบบ ตั้งอยู่ที่ด่านนอก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
“โทนี่ เตียว” ยังถูกเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ และความเกี่ยวพันกับ นายกชาย เพราะมีการถ่ายรูปร่วมเฟรมกัน โดย นายกชาย เคยไปรวมงานบวชของ “โทนี่ เตียว” และมีข่าวระบุว่า นักธุรกิจข้ามชาติรายนี้ “เป็นท่อน้ำเลี้ยง” ให้นักการเมืองดังภาคใต้ด้วยซ้ำ แต่ นายกชาย ก็ออกมาปฏิเสธ พร้อมยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นอกจากความเกี่ยวพันกับ “โทนี่ เตียว” "นายกชาย" ยังมีปมเครือญาติในครอบครัวโดนดำเนินคดีบุกรุกโบราณสถานเขาแดง จังหวัดสงขลา อีกด้วย
ปมร้อง "นายกชาย" ใน ป.ป.ช. โยงค้าน้ำมันภาคใต้
ล่าสุด เลขาธิการ ป.ป.ช.ออกมาให้ข่าวว่า นายกชาย มีเรื่องถูกร้องอยู่ในคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ยังไม่ได้ชี้มูล
“เนชั่นทีวี” ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบแล้ว ข้อกล่าวหาที่เกี่ยวโยงกับ นายกชาย ใน ป.ป.ช. คือเรื่อง “ลักลอบนำเข้าน้ำมันในภาคใต้” พูดง่ายๆ คือ “ข้อกล่าวหาพัวพันการค้าน้ำมันเถื่อน” นั่นเอง
เรื่องนี้เลขาธิการ ป.ป.ช. ได้ออกมาให้ความเห็นเมื่อ 26 ส.ค. ว่า ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา ยังไม่ได้ชี้มูล “เนชั่นทีวี” ตรวจสอบเพิ่มเติมจนทราบว่า เป็นการขยายผลไปถึง นายกชาย จาก “หลักฐานเชื่อมโยง” แต่ยังไม่ได้ชี้มูล หรือสรุปว่าผิด
แรงกดดันจึงโยนกลับไปที่พรรคเพื่อไทย และ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง ว่ากล้าจริงหรือไม่ที่จะมอบตำแหน่งรัฐมนตรีให้นายกชาย
“เสี่ยต่อ” ใส่เกียร์ถอย หวั่นถูกสอยชงชื่อ รมต.
แม้ประเด็นจริยธรรมจะยังไม่ชัดว่าขัดหรือไม่ขัด แต่การส่งชื่อ “2 แกนนำ” เป็นรัฐมนตรี โดยที่ยังไม่ผ่านมติของที่ประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรค กับ สส. ถือว่าขัดข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน ในข้อ 96, 97 และ 98 และคงมีการร้องเรียนกันในเร็ววันนี้
แต่ “เสี่ยต่อ” ก็ออกมาแก้เกมด้วยการอ้างว่า เรื่องการส่งชื่อ “แคนดิเดต” และคำประกาศพร้อมเป็นรัฐบาลนั้น นายกชาย เข้าใจผิดไปเอง ที่ผ่านมายังไม่มีเทียบเชิญ และยังไม่ได้รับการประสานงาน การนับหนึ่งส่งชื่อ จึงยังไม่เกิดขึ้น
จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นดูแล้ว “เสี่ยต่อ” แล้ว น่าจะถอยกลับไปนับหนึ่งใหม่ ด้วยการรอเทียบเชิญ และจัดประชุมกรรมการบริหารพรรคกับ สส.ให้เรียบร้อยก่อน จึงให้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกที ดังนั้นการแก้เกมครั้งนี้จะได้ผลหรือไม่ ต้องรอลุ้นกันต่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง