“อดิศร” ชี้เพื่อไทยเห็นด้วย 150 เปอร์เซ็นต์ขับ พปชร.พ้นพรรคร่วม
ประชุมสภาฯ ชื่นมื่นหลัง เพื่อไทย ดึง ปชป. ร่วมรัฐบาล “ชัยชนะ” แวะทักทาย “สรวงศ์-ขัตติยา” ด้าน ”อดิศร“ ชี้เพื่อไทย เห็นด้วย 150 เปอร์เซ็นต์ ขับ พปชร. พ้นพรรคร่วม
28 ส.ค. 2567 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายหลัง พรรคเพื่อไทย มีมติขับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะยังคงไว้เพียงกลุ่ม สส.ของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น รวมถึงยังเตรียมเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลแทนนั้น
นายชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินเข้าไปจับมือ และนั่งพูดคุยกับนางสาวขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บริเวณที่นั่ง สส.ของพรรคเพื่อไทย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นอกจากนั้น นายชัยชนะ ยังได้เจอกับนายนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ โดยได้ยืนคุยกันอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะเดินแยกย้ายกันออกมา
ทั้งนี้ ภายหลังพรรคเพื่อไทย ได้ขับพรรคพลังประชารัฐ ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะต้องมีการจัดที่นั่งใหม่ โดยพรรคพลังประชารัฐ จะต้องย้ายไปนั่งบริเวณฝั่งซ้ายมือของประธานการประชุม ซึ่งเป็นที่นั่งของฝ่ายค้าน และพรรคประชาธิปัตย์ จะย้ายมานั่งฝั่งขวามือของประธานการประชุม ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของพรรคร่วมรัฐบาล
ขณะที่ นายอดิศร เพียงเกษ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การประชุม สส. พรรคเพื่อไทยวานนี้ (27 ส.ค.) ว่า ตนได้เสนอเรื่องการจัดตั้งรัฐมนตรี เพื่อให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินให้ครบตามวาระ โดยเอาบทเรียนในอดีตที่ผ่านมามาพูดจากัน ซึ่งเห็นว่าพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้แสดงจุดยืนเป็นปฏิปักษ์ในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ในการโหวตนายกรัฐมนตรี และโหวตนางสาวแพทองธาร ก็ไม่ได้มาร่วมโหวต และมีเหตุที่เชื่อได้ว่า อดีตสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ที่มีข้อมูลชัดเจนว่า พลเอกประวิตร อยู่เบื้องหลังในการยื่นปลด นายเศรษฐา ดังนั้นจึงไม่ควรมาร่วมเป็นรัฐบาล ในการจัดคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งในที่ประชุมก็มีนายกรัฐมนตรี ผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรค และกรรมการบริหารพรรค โดยในที่ประชุมเห็นด้วย 150% เมื่อวานนี้ตนก็เสี่ยงอยู่ แต่ตนก็กล้าพูดขึ้นมาก่อน
สำหรับเสียงที่ขาดหายไปจะกระทบต่อเสถียรภาพ ของการโหวตในสภาหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า เสียงอาจจะขาดหายไปจริง จะไปหาเพิ่มจากที่ไหนในรัฐธรรมนูญก็ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ สส. ของพรรคพลังประชารัฐก็มีเอกสิทธิ์ ที่จะมีแนวทางทางการเมืองจะมาร่วมกับเราหรือเป็นฝ่ายค้าน และเสียงก็ไม่มีผลกระทบ
ส่วนหากพรรคพลังประชารัฐจะมาร่วมเพียงบางส่วนนั้น จะเป็นการผิดกฎหมายหรือไม่ นายอดิศร กล่าวว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ และมองว่าอาจมีการร้องเรียนภายหลัง
"นักร้องอยู่แล้ว ทั้งนักร้องลูกทุ่ง ลูกกรุงทั้งบันทึกเสียง ตนอยากถามคืนว่า ทำหน้าที่อะไรบ้าง ความสูญเสีย เสียหาย ในการพัฒนาประเทศมันมีมาก ผมก็อยากเปิดกฎหมาย ว่าถ้าร้องเท็จจะมีความผิด คนๆเดียวทำให้คุณเศรษฐาไม่ได้เป็นนายกฯ ร้องก็ร้องไป ส่วนเราคิดว่าเสถียรภาพของการเป็นรัฐบาลผสม ต้องเอาคนที่มีความจริงใจมาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ว่าจับมือกัน แล้วมีมีดสั้นปักหลัง"นายอดิศรกล่าว
ส่วนการเทียบเชิญพรรคอื่นร่วมรัฐบาลนั้น ตนไม่ทราบ ไม่ได้อยู่ในหน้าที่ คิดว่าการจัดตั้งรัฐบาลก็คงจะสำเร็จตามที่เป็นข่าว
ทั้งนี้ อาจจะถูกมองว่า พรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาลกันมา แต่พอมีความเห็นต่าง ก็มาถีบหัวส่ง นายอดิศร กล่าวว่า ใช้คำว่าถีบไม่ได้ ใช้คำว่าปิดสวิตช์ดีกว่า เพราะถ้าถีบ จะเป็นลักษณะคล้ายๆ กับหยุม