
เปิดหนังสือเทียบเชิญร่วมรัฐบาล จากเพื่อไทย ถึง ปชป.
เปิดหนังสือเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาล จากพรรคเพื่อไทย ถึง ปชป. ด้าน “สรวงศ์” เผยถึงเวลาสงวนความขัดแย้ง ขณะที่ปชป. นัดประชุมพรรค 29 ส.ค.นี้
28 ส.ค. 2567 นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคเพื่อไทย ส่งหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วมรัฐบาล ผ่านนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส. สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
นายสรวงศ์ เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย ได้มีการพูดคุยกัน ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยมีมติ และได้ประสานไปยังหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแจ้งเลขาธิการพรรคฯ ว่า ในวันนี้ (28 ส.ค.) จะมีการส่งหนังสือ เพื่อเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลบริหารประเทศ พร้อมชี้แจงว่า โควตารัฐมนตรีต่าง ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ในการเสนอ และทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง
พร้อมย้ำผลเหตุในการเชิญพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลว่า ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ จะต้องทำให้เสียง สส.ในสภามีความมั่นคง และไม่ได้เชิญเพียงพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น เพราะได้มีการติดต่อพรรคการเมืองอื่น ๆ และกลุ่มการเมืองอื่น ๆ มาร่วมทำงานร่วมกัน
ส่วนการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังที่ผ่านมามีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันนั้น นายสรวงศ์ เห็นว่า ในอดีตก็ถือเป็นอดีต แต่ปัจจุบัน มั่นใจว่า การทำงานในสภาผู้แทนราษฎรร่วมกัน ทุกคนมีจุดหมายเดียวกัน คือทำให้ประชาชน และประเทศชาติ ไปได้ในทางที่ดี
ยืนยันว่า สส.ภายในพรรค ไม่มีใครคัดค้านการเชิญพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ เพราะเรื่องในอดีตผ่านมาแล้ว และประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อ แม้ในอดีตระหว่าง 2 พรรค จะมีการต่อสู้ทางการเมืองกันมา แต่เมื่อมีคนรุ่นใหม่ที่มาบริหารพรรค เรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง ก็ส่วนอุดมการณ์ทางการเมือง แต่แนวทางการทำงานมั่นใจว่า ไปด้วยกันได้
นายสรวงศ์ ยังกล่าวถึง ข้อวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทั้ง 2 พรรคการเมือง หักหลังประชาชน ทั้งที่ในอดีตก็พาประชาชนไปชุมนุม บาดเจ็บล้มตาย แต่สุดท้ายก็มาจับมือทางการเมืองกัน โดยย้ำว่า อุดมการณ์ทางการเมือง ระหว่าง 2 พรรค ไม่เหมือนกันในอดีต แต่วันนี้หากคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และสมาชิกพรรคทั้ง 2 พรรค ทุกคนมุ่งหน้าทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และประเทศชาติถอยหลังไปหลายปี
จึง ถึงเวลาเดินหน้าร่วมกัน และสงวนความขัดแย้ง และความไม่เข้าใจกันไว้ข้างหลัง รวมถึงได้มีการพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงแล้ว เมื่อมีความเห็นที่ตรงกัน และเป็นประโยชน์แก่ส่วนร่วม ทุกคนจึงเข้าใจได้
ส่วนการขับพรรคพลังประชารัฐ ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ถือเป็นแผนปิดสวิตช์ 3 ป. หรือไม่นั้น นายสรวงศ์ ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ตั้งใจ แต่เมื่อทำงานร่วมกัน 1 ปี ก็เห็นการทำงานของ สส.พรรคประชาธิปัตย์ และการทำงานของกรรมการบริหาร ก็สามารถไปกับพรรคเพื่อไทยได้ จึงขอให้ประชาชนรอติดตามผลงาน และเชื่อว่า จะเกิดประโยชน์ ที่ความขัดแย้งต่าง ๆ ได้หายไปแล้ว
นายสรวงศ์ ยังกล่าวถึงข้อกล่าวหาพรรคเพื่อไทยตระบัตสัตย์ ไม่มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีว่า “คำนี้ ฮิตเหลือเกิน คำว่า ตระบัตสัตย์ แต่ก็ขอเอาที่สบายใจ” แต่ยืนยันว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ขอให้มองที่ผลงาน และขอโอกาสให้การทำงาน หลังจากนี้ 3 ปีภายใต้รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ทำงาน หากมีเรื่องใดที่ผิดพลาด ค่อยมีการร้องเรียน เพราะผลงานจะเป็นสิ่งพิสูจน์อนาคต
ส่วนกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักร้องเรียนทางการเมือง ไปยื่นร้อง กกต.ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร กรณีการลาออกจากกรรมการบริษัทต่าง ๆ ล่าช้านั้น นายสรวงศ์ ยืนยันว่า พรรคฯ มีฝ่ายกฎหมายติดตาม และไม่เห็นเป็นประเด็น แต่นายเรืองไกร ก็มีสิทธิร้องได้
นายสรวงศ์ ยังย้ำว่า ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจะได้ไปเทียบเชิญต่อไป แต่สำหรับพรรคไทยสร้างไทยนั้น ยังไม่มีการพูดคุยกัน
ทั้งนี้ สำหรับหนังสือ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เรื่อง ขอเชิญร่วมรัฐบาล เรียน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
เป็นนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้เชิญพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยได้แถลงผ่านสื่อมวลชนเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว นั้น
พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มีบุคคลที่มี ความรู้ ความสามารถ และมีอุดมการณ์ที่จะทำงานร่วมกันได้ จึงขอเรียนเชิญพรรคประชาธิปัตย์ได้ เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ และความผาสุก ของประชาชนต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้ท่านคำเนินการตามชั้นตอนภายในของพรรคและโปรดส่งรายชื่อบุคคลที่ ท่านเห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีส่งมายังพรรคเพื่อไทย ผ่านทางเลขาธิการพรรคโดยด่วนต่อไป
ขณะที่ นายเดชอิศม์ ได้ขอบคุณพรรคเพื่อไทย ที่ให้ความไว้วางใจ และเห็นความสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ในการช่วยกันพัฒนาประเทศ พร้อมยืนยันว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องนำเทียบเชิญจากพรรคเพื่อไทยให้เข้าร่วมรัฐบาล ไปหารือในที่ประชุมกรรมการบริหาร และ สส.ของพรรคฯ ในวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.)
ส่วนจะสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างไรนั้น นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า วันนี้ พรรคไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น และมีเพียงการให้อภัยกัน พร้อมขอให้เข้าใจว่า เหตุการณ์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ไม่เหมือนกัน ปัญหาของประเทศ และแนวคิดการพัฒนาประเทศ ก็แตกต่างกัน ดังนั้น เมื่อมีการพูดคุย รักกัน และเดินหน้าไปด้วยกันได้ ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่ดีงาม รวมถึงพวกตน เป็น สส.แบบแบ่งเขต ได้มีการพูดคุยกับผู้สนับสนุนในการเลือกตั้งที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งได้มีการสอบถามถึงการร่วมรัฐบาลก้วย จึงรู้สึกสบายใจ ที่จะได้ทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะมาร่วมรัฐบาลทั้งพรรค รวมถึงนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อของพรรคฯ ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคฯ ที่เป็นคู่แข่งของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้น นายเดชอิศม์ ระบุว่า ก่อนการลงมติ พรรคฯ มีความเห็นเป็น 2 อย่าง แต่เมื่อพรรคมีมติแล้ว สส.ของพรรคฯ ก็ต้องปฏิบัติตาม และในการลงมติต่าง ๆ ก็จะต้องยึดมติพรรคฯ
นายเดชอิศม์ ยังปฏิเสธข้อครหาการเป็นพรรคสำรอง หรือพรรคแทนที่ โดยยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่พรรคสำรอง แต่เมื่อเหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป ก็ต้องปรับเปลี่ยนตามเหตุการณ์บ้านเมือง พร้อมย้ำว่า สาเหตุที่เข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐใด ๆ ทั้งสิ้น
นายเดชอิศม์ ยังยืนยันว่า ไม่รู้สึกกังวลถึงคุณสมบัติรัฐมนตรีของตนเอง ที่มีคดีอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ซึ่งตนเองก็ยังไม่ทราบว่า ถูกร้องคดีใด
ส่วนรายชื่อรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นนายเฉลิมชัย และนายเดชอิศม์ หรือไม่นั้น นายเดชอิศม์ ระบุว่า ยังจะต้องรอหารือในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ พรุ่งนี้ (29 ส.ค.)