ข่าว

พรรคประชาชน แถลงน้อมรับ แพ้เลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี

01 ก.ย. 2567

พรรคประชาชน แถลงน้อมรับ แพ้เลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี เพราะมีเวลาหาเสียง 40 วัน มั่นใจสนามท้องถิ่นปลายปี คว้าชัยได้แน่นอน

1 ก.ย. 2567 เมื่อเวลา 20.10 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน และนายชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี แถลงข่าวหลังผลนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ แพ้ให้กับนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา แชมป์เก่า อดีตนายก อบจ.ราชบุรี

นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ขอบคุณคะแนนเสียงของชาว จ.ราชบุรี ถ้าเทียบกับปี 2563 เพิ่มขึ้นมาเท่าตัว ซึ่งแสดงว่าการทำงานในพื้นที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาออกดอกออกผล เปิดใจให้เรามากขึ้น และทำให้เราเติบโตขึ้น เห็นด้วยกับนโยบาบของเรา ถึงแม้เราจะยังไม่ชนะการเลือกตั้งนายกอบจ. ก็จะยังมุ่นมั่นทำงานเพื่อชาวราชบุรีต่อไป  และหวังว่าการทำงานมุ่งมั่น หวังว่าพี่ร้องชาวราชบุรีจะเปิดใจและให้โอกาสเรามากขึ้น

ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลนายวิวัฒน์ ในคดีซากหมู มีการชี้มูลความผิดนายวิวัฒน์ จะส่งผลทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายชัยรัตน์ มองว่า เป็นเรื่องของ กกต.เป็นผู้พิจารณาการรับรองการเลือกตั้ง รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยว่าจะมีแนวทางอย่างไร เพื่อไม่ให้ส่งผลการบริหารงานอบจ. และเป็นเหมือนกับการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี โดยจะต้องมีแนวทางให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ถ้าถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ต้องสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

ด้าน นายณัฐพงษ์ กล่าว่า ขอบคุณชาว จ.ราชบุรี ที่ออกมาใช้สิทธิใช้เสียง ซึ่งจำนวนประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาชน เพิ่มขึ้นเท่าตัว แสดงให้เห็นว่าการรณรงค์อย่างแข็งขัน การทำงานอย่างเข้มข้น ทำให้ประชาชน ให้ความสำคัญกับการเมืองท้องถิ่น และหันมามอบความไว้วางใจให้พรรคประชาชน และในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ยังมีการทำงานในการผลักดันต่างๆ อีกหลายภารกิจ

 

 

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เกี่ยวข้องกระดูกคนละเบอร์ เพราะทุกสนามการเลือกตั้งประชาชนเป็นคนตัดสินใจ และทุกนโยบายที่หาเสียงไว้เป็นประโยชน์กับประชาชน และผลการเลือกตั้งที่ออกมามีหลายปัจจัยด้วยกัน โดยเฉพาะสิทธิของประชาชน ยิ่งประชาชนออกมาใช้สิทธิมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้ตัวแทนยิ่งได้นโยบาย ที่สะท้อนความต้องการของประชาชน และเมื่อเสียงของประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญสำหรับทุกพรรคการเมือง รวมถึงพรรคประชาชน คือการออกแบบระบบเลือกตั้ง ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้ามาใช้สิทธิ ใช้เสียงได้ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้พรรคประชาชน อยู่ระหว่างการศึกษาในชั้นกรรมาธิการ เพื่อปรับปรุง พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งมองว่าทุกพรรคการเมือง และระบบการเมืองของประเทศจะได้ประโยชน์ร่วมกัน

ด้าน นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า สำหรับชาวราชบุรี เรามีเวลาทำงานจริงๆ 40 กว่าวัน ถือว่าการทำงานอย่างแข็งขันได้คะแนนมาเป็นที่น่าพึงพอใจ ถึงแม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จก็ตาม และจากพรรคก้าวไกลสู่พรรคประชาชน ยังมีการเตรียมลงสมัครนายกอบจ.อีก 10-15 จังหวัด ที่อยู่ในกระบวนการ นั่นหมายความว่าในจังหวัดที่เหลือเราจะจัดเตรียมความพร้อมในการทำนโยบายให้ประชาชนยอมรับ และทำให้ทีมงานมีความเข้มแข็งมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไป และเดือน พ.ย. นายกอบจ. ในนามพรรคประชาชนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

 

 

พร้อมยอมรับว่า สนามการเมืองท้องถิ่นนั้น แตกต่างกับการเลือกตั้งระดับชาติ เพราะสนามการเมืองระดับชาติความหวังของประชาชนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกตั้งทั้งประเทศจะทำให้ประชาชนนั้นมีส่วนร่วม แต่การเมืองท้องถิ่นจะต้องสร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชนให้ได้ และต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่น

แต่ด้วยเวลาที่จำกัดในการทำงาน จึงยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนไว้ใจได้ ในช่วง 45 วัน ที่ผ่านมา รวมทั้งการเปลี่ยนใจประชาชน ที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า สามารถทำได้ต้องใช้เวลา

เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งในครั้งนี้เวลาจึงน้อยเกินไป มั่นใจว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเลือกในปลายปีนี้ จะมีนายกอบจ. ในนามพรรคประชาชน ชนะการเลือกตั้งแน่นอน ส่วนจะเป็นจังหวัดไหนขอให้รอดูอีกครั้ง เพราะในแต่ละจังหวัดได้มีการประเมินความพร้อมไว้แล้ว เพราะยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีเวลาในการเตรียมตัว