“เอกราช ช่างเหลา” เปิดใจปมถูกฟ้องยักยอกเงินสหกรณ์ครูขอนแก่น ชี้เป็นเกมการเมือง
“เอกราช ช่างเหลา” สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังถูกฟ้องดำเนินคดีฐานยักยอกเงินสหกรณ์ฯ กว่า 431 ล้านบาท เผยอึดอัดใจมานาน ต้องกลายเป็นผู้ร้าย
10 ต.ค.2567 นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย เปิดบ้านพักในพื้นที่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น แถลงข่าวเปิดใจ ชี้แจงกรณีที่ตกเป็นจำเลยถูกฟ้องในคดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น กว่า 431 ล้านบาท ระหว่างปี 2554-2562 ซึ่งศาลจังหวัดขอนแก่น ได้กำหนดวันฟังคำพิพากษาในวันที่ 18 ธ.ค.67 นี้ หลังจากที่ ศาลไม่รับคำร้อง
นายเอกราช ได้ชี้แจงถึงประเด็นสำคัญ ๆ 3 ประเด็นหลัก คือ 1.กล่าวถึงที่มาที่ไปของการนำเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น จำกัด เมื่อครั้งที่ตนเองเป็นประธานสหกรณ์ฯ ออกไปใช้ จนทำให้ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 2.ประเด็นที่ตนเองรับสารภาพในคดีอาญา และ 3.แนวทางในการนำเงินมาชดใช้คืนให้กับสหกรณ์ฯ
นายเอกราช กล่าวถึง จุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ เมื่อปี 2552 ว่า จากการที่มีสมาชิกสหกรณ์ เรียกร้องให้คณะกรรมการฯ หาสลากกินแบ่งรัฐบาลมาจำหน่ายให้กับสมาชิก เพื่อเป็นสวัสดิการ คณะกรรมการจึงรับหลักการ และดำเนินการทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย กระทั่งปี 2553 จึงได้มีการแสวงหาสลากกินแบ่งรัฐบาล ตามมติของคณะกรรมการทุกอย่าง ซึ่งทุกเรื่องมีมติของคณะกรรมการรองรับทั้งหมด ทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
จนในปี 2553 สหกรณ์ฯ ได้สลากกินแบ่งรัฐบาล มาทั้งหมด 30,000 เล่ม จากบริษัท ขวัญฤดี และ บริษัท หยาดน้ำเพชร ซึ่งสหกรณ์ฯ ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ จากทั้ง 2 บริษัท ทางสหกรณ์ฯ จึงดีลตรง กับ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งถือว่า สหกรณ์ฯ มีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย 100% เราจึงต้องเอาเงินค้ำประกันสัญญากัน หรือเรียกว่า LG ไปวางสัญญาค้ำประกันกับกองสลาก จำนวน 396 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินนี้เองที่เป็นประเด็นฟ้องร้องอยู่ในขณะนี้
และอีกส่วนหนึ่งที่ต้องวางกับบริษัทเจ้าของสัญญา เพื่อวางค้ำประกัน ในอัตราหมื่นละ 260 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 700 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นกติกา ที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่าย เป็นการค้ำประกันว่า เรา จะไม่ฉีกสัญญาระหว่างการปฏิบัติ และมีผลบังคับทางเงื่อนไข ทั้งหมดนี้คือที่มาที่ไปว่า ทำไมเราจึงทำสลากกินแบ่งรัฐบาล
ต่อมาขณะที่เรากำลังขายสลากกินแบ่งรัฐบาลครั้งละ 10,000 เล่ม ไม่ใช่การขายครั้งเดียว 30,000 เล่ม ก็มีสหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ ในประเทศไทย อยากจะทำเหมือนสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น บ้าง เพราะมีความง่ายซื้อมาขายไป มีคนรอซื้อจำนวนมาก ก็มีการเข้ามาดูงาน มาสอบถามว่าอยากจะทำ ตนก็ได้เตือน และแนะนำตลอดว่า อย่าไปทำ เพราะในเรื่องนี้มันไม่ง่าย ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะทำได้
ปรากฏว่า ในระหว่างนั้นมี อดีตสมาชิกวุฒิสภา อยู่ในพื้นที่แถวจังหวัดศรีสะเกษ รายหนึ่ง เห็นความต้องการของสหกรณ์ต่าง ๆ ที่อยากได้สลากกินแบ่งรัฐบาล จึงไปทำการรวบรวมสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยรวบรวมมาได้ 10,000 เล่ม ก็นำไปวิ่งตามสหกรณ์ต่างๆ โดยอ้างว่า มีโควต้าอยู่ 10,000 เล่ม ต้องการหรือไม่ ซึ่งมีการไปดำเนินการแบบนี้กับทั้งหมด 17 สหกรณ์ เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 2554 ซึ่งท้ายที่สุดก็ไปไม่รอด กลายเป็นเหตุการณ์แชร์ ลอตเตอรี่ ล้มในระบบสหกรณ์ เกิดเป็นความวุ่นวายอย่างมากในขณะนั้น
นายเอกราช กล่าวต่อว่า ต่อมา อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในขณะนั้น จึงมีคำสั่งให้ทุกสหกรณ์ าวิธีการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่ง ตน ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยแจ้งว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ยุติการจำหน่ายสลากไม่ได้ เพราะเราดีลตรงกับกองสลาก มีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย หากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น ยุติการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลจะทำให้เกิดความเสียหาย เนื่องจากมีการทำสัญญาค้ำประกันกับบริษัทเจ้าของสลากเอาไว้
ต่อมาอธิบดีฯ ได้บอกกับตนเองว่า ถ้าไม่หยุดจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล จะดำเนินการยกเลิกข้อบังคับที่ให้อำนาจ ตนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และอธิบดี ก็มีคำสั่งยกเลิกในเวลาต่อมา ทำให้เราไม่สามารถขายต่อได้ ทำให้สลากเหลืออยู่จำนวน 20,000 เล่ม
และที่สำคัญไปกว่านั้น อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้บอกกับ ตนว่า คุณเอกราช พร้อมคณะ ต้องไปเอาเงินค้ำประกันสัญญา 260 ล้านบาท กลับคืนมาทั้งหมด ผมจึงนำเรียนอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ไปว่า เราเป็นคู่สัญญากับบริษัท ซึ่งบริษัทไม่ได้ทำผิดสัญญา แต่ผมในฐานะประธานสหกรณ์ เป็นผู้ทำผิดสัญญา เราก็ต้องถูกริบเงิน ไม่เช่นนั้น สหกรณ์จะเกิดความเสียหาย
โดย ตน ได้รับแจ้งว่า มี 2 ทางให้เลือก 1.ถอนเงินสดที่ยังไม่ได้คืนจาก สลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 20,000 เล่ม รวมเป็นเงิน 400 กว่าล้านบาท คืนมาให้หมด โดยไม่มีเงื่อนไข 2.ต้องหาหลักทรัพย์มาวางค้ำประกันเงื่อนไขส่วนนี้ ไม่เช่นนั้นจะมีการดำเนินการยุบสหกรณ์ เหมือนกับสหกรณ์อื่นๆ
จากนั้นคณะกรรมการสหกรณ์ฯ จึงได้มีการประชุมหาทางออก จึงตัดสินใจว่านำเงินจำนวน 396 ล้าน จากเรายกเลิกการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปซื้อที่ดินประมาณ 6 ไร่ 3 งาน มูลค่าประเมิน 500 กว่าล้านบาท นำเป็นหลักทรัพย์ ไปวางค้ำประกันสหกรณ์ตามเงื่อนไข ทำให้สหกรณ์ไม่ล้ม และสหกรณ์ ก็ได้เงินคืนจากการไปค้ำประกันกับทั้ง 2 บริษัท เมื่อได้เงินค้ำประกันกลับคืนมาทั้งหมด ตนจึงนำเอาเงินไปไถ่ถอนที่ดินกลับคืนมา เพื่อที่จะนำไปขายแล้วนำเงินมาชำระคืนให้กับสหกรณ์ 396 ล้านบาท ซึ่งฝ่ายบริหารสหกรณ์รับทราบ
"ยืนยันว่า ผมเป็นลูกผู้ชาย และสุภาพบุรุษพอ ผมแอ่นอกรับได้ ในฐานะผมเป็นหัวหน้าคณะ และเงินสหกรณ์ฯ ที่เป็นตัวเลขที่โชว์อยู่ ได้คืนหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ต้องรอให้ ทาง ปปง. ดำเนินการขายให้เรียบร้อย หากไม่พอตนเองก็มีหลักทรัพย์วางค้ำประกัน 400 กว่าล้านบาทซึ่งสามารถบังคับคดีได้อยู่แล้ว"
นายเอกราช ยังกล่าวถึงการรับสารภาพ ในช่วงเริ่มต้นของการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีนี้ ว่า คณะทีมงานกฎหมายของตนเอง ก็มีการปรึกษาหารือกัน ว่า เรื่องนี้เป็นการยักยอกทรัพย์ และข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งตนได้ชี้แจงตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า การกระทำดังกล่าว ไม่ใช่การยักยอก และไม่ได้มีการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งทีมทนายความ และฝ่ายกฎหมายของตนในขณะนั้น ก็บอกว่าให้ตนเองรับสารภาพ เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไร ชำระเงินคืนให้กับสหกรณ์หมดคดีก็จบ ตน จึงรับสารภาพตามที่ทนายความแนะนำด้วยความไว้ใจทีมทนายความ
นายเอกราช กล่าวต่อว่า เดิมทีตนเองตั้งใจว่า หลังจากที่คดีความทั้งหมดจบลง จึงจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกตั้งนายก อบจ.ขอนแก่น ทำให้ตนเองมองว่า คดีนี้กลายเป็นคดีการเมือง จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงในวันนี้ เพื่อให้ประชาชนผู้มีใจเป็นกลางได้รับทราบ และ เงินที่เอาออกมาจากสหกรณ์ ตน ก็ต้องชำระคืนให้กับสหกรณ์ อยู่แล้ว
"ตนมองว่าการเร่งคดีในครั้งนี้เป็นเรื่องของการเมือง เพราะตั้งแต่มีการเปิดรับสมัครนายก อบจ. ขอนแก่น วันแรก ก็มีหนังสือฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาคดีความของตนเอง ถูกส่งไปทั่วหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้านได้รับหนังสือฉบับนี้ทั้งหมด ถามว่าลักษณะนี้เป็นการเมืองหรือไม่"
เมื่อถามว่าคดีนี้จะกระทบกับการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. ของนายวัฒนา ช่างเหลา บุตรชายของตนเองหรือไม่ นายเอกราชตอบว่า เรื่องนี้แล้วแต่ ประชาชน จะเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะนาทีนี้ถ้าพี่น้องชาวขอนแก่น จะเลือกข้างหรือไม่เลือกข้าง ตนเองไม่สามารถรับรู้ได้ แต่รู้อย่างเดียวว่าวันนี้ ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน