นายกฯ ยันไม่แตะ ม.112 โต้ข้อกล่าวหา “ทักษิณ” ครอบงำ | คมชัดลึก

21 ต.ค. 2567 นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย​ พร้อมด้วยแกนนำพรรค และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยภายหลังการรับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกัน โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ​ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี และเป็นครั้งแรกที่ได้มารับประทานอาหารร่วมกัน โดยได้พูดคุยกันอย่างสบายๆ ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่อยากจะหารือกัน และเรื่องการทำงานร่วมกัน

โดยหลังจากที่ตนเดินทางกลับมาจากการร่วมประชุม APEC ที่สาธารณรัฐเปรู ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว จะเชิญทั้งหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง เข้ามาพูดคุยร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้ทราบถึงปัญหา และแนวทางที่แต่ละพรรคอยากจะทำงานร่วมกันอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยอีกว่า มีการขอความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน เพราะตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน​ จึงอยากจะให้มีการพูดคุยสื่อสารกัน​ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด​ ทั้งการสื่อสารกันเองใน​คณะรัฐมนตรี ในพรรคร่วมรัฐบาล หรือการสื่อสารกับประชาชน​ จึงอยากจะขอความร่วมมือและลดกำแพงลง​ ให้มีการสื่อสารกันง่ายขึ้น รวมถึงยังมีการพูดคุยเรื่องที่ละเอียดอ่อนร่วมกันด้วย

ส่วนการหารือถึงการเดินหน้ารายงานนิรโทษกรรม ที่พรรคร่วมรัฐบาล ยังเห็นไม่ตรงกันนั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ในทุกเรื่องมีทั้งเรื่องที่เห็นตรงกัน และไม่ตรงกัน แต่ทุกเรื่องสามารถตกลง และแลกเปลี่ยนกันได้​ และต่อไปขอให้เป็นของสภาผู้แทนราษฎร ที่จะพิจารณาดำเนินการเรื่องนี้ต่อ

ยอมรับว่า เรื่องการผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เป็นเรื่องอ่อนไหว​ เนื่องจาก มีทั้งเห็นตรง และเห็นต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ยังไม่ขอชี้แจงในรายละเอียด โดยขอให้แยกเรื่องของ สส.รัฐบาล และคณะรัฐมนตรีรวมถึงยืนยันว่า ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน

เช่นเดียวกับ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่มีความชัดเจน หากจะมีการเสนอให้รัฐสภาพิจารณา จะเป็นการเสนอในนามพรรคร่วมรัฐบาล หรือแยกพรรคการเมือง โดยขอให้เป็นเรื่องที่สภาฯจะพิจารณา แต่ได้มีการพูดคุยกันว่า จะไม่มีการแก้ไขในหมวด 1 และหมวด 2 รวมถึงไม่แตะต้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย และ 6 พรรคร่วมรัฐบาลว่า ไม่มีความกังวลใด ๆ เพราะไม่ได้ตรงกับข้อกล่าวหา จึงไม่มีใครมีความกังวล และในทางกฎหมายก็พร้อมให้ความร่วมมือกับ กกต. ในการชี้แจงแก้ไขข้อกล่าวหากรณี 6 พรรคร่วมรัฐบาล เดินทางไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ส่วนกรณีนี้พรรคร่วมรัฐบาล จะต้องออกห่างจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะไม่ให้ถูกครหาถูกครอบงำหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากไปรับประทานอาหารร่วมกัน จะเรียกว่า ครอบงำเลยหรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างกรณีตนเอง รับประทานอาหารร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นการครอบงำหรือไม่

มองว่า การมีความสัมพันธ์ที่ดีไม่ใช่การครอบงำ และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหลายคน ก็รักและเคารพนายทักษิณ ซึ่งบางครั้งอาจไม่ใช่การคุยการเมือง หรืออาจจะเป็นการคุยเรื่องการเมืองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการคุยของคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พร้อมย้ำว่า ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และแต่ละพรรคการเมือง ก็มีกรรมการบริหารพรรค ที่ต้องได้รับคำปรึกษากันก่อน หากไม่มีความเห็นด้วย ก็ไม่สามารถครอบงำได้

ฉะนั้น ถ้าจะบอกว่า การติดต่อนายทักษิณ ซึ่งวันนี้กลับมาอยู่ประเทศไทยแล้วเป็นการครอบงำ ก็ต้องถือว่า ครอบงำไปทุกอย่างแล้ว ดังนั้น จะมองว่า หากพูดถึงนายทักษิณแล้วเป็นการครอบงำไม่ได้

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยอีกว่า แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ได้ตกลงร่วมกันว่า จะมีดินเนอร์ร่วมกันในลักษณะนี้ต่อไป​ โดยครั้งหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งคาดว่าไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้