
นายกฯ สวน ปม "ที่ดินอัลไพน์" ครอบครัวซื้อตอน 11 ขวบ ถูกต้องทุกแปลง
นายกรัฐมนตรี ชี้แจง ปม "ที่ดินอัลไพน์" ยืนยันครอบครัวซื้อตอนตัวเอง 11 ขวบ ถูกต้องทุกแปลง มีโฉลดทุกที่ ขณะที่กรมที่ดิน ป้อง ไม่เคยแทรกแซง
24 มี.ค. 2568 ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.พรรคประชาชน เผยในที่ประชุมถึงกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นที่ที่ดินสงฆ์ ไม่สามารถซื้อขายได้ และตระกูลชินวัตร ไม่ยอมคืนที่ดินให้กับวัด แต่ใช้อำนาจฝ่าฝืนความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา จนเรื่องเข้าสู่คดีฟ้อง
ต่อมาตระกูลชินวัตรไม่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียนตามคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินและชี้ว่า นายกรัฐมนตรีต้องทราบปัญหาดี และล่าสุดถูกนำมาเป็นเกมการต่อรองกับกรณีที่ดินเขากระโดง จนเกิดปัญหาไม่ลงรอยในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ทาง น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า ที่ดินของอัลไพน์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานแล้ว มีการซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว ตนเองมีอายุเพียง 11 ขวบ และไม่ได้เป็นกรรมการบริษัทฯ ยืนยันว่า การซื้อที่ดินทุกแปลงของครอบครัวถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการซื้อที่ดินที่ไม่มีการออกโฉนดจากหน่วยงานของรัฐ
"และขอยืนยันการซื้อที่ดินทุกแปลง ครอบครัวไม่เคยซื้อที่ดิน ที่ไม่ได้มีการออกโฉนด โดยหน่วยงานของรัฐ ทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เคยก้าวก่ายแทรกแซงใด ๆ” นายกรัฐมนตรี ย้ำ
ขณะที่ทาง กรมที่ดิน ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีว่า ตามที่มีการอภิปรายในประเด็นเกี่ยวกับการถือหุ้นของนายกรัฐมนตรีในบริษัท อัลไพน์ฯ ซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าเป็นการขาดความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากมีการถือครองที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์นั้น กรมที่ดินขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้
การถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ฯ นายกรัฐมนตรีได้รับโอนหุ้นของบริษัท อัลไพน์ฯ มาจากผู้ถือหุ้นเดิมก่อนเข้ารับตำแหน่ง โดยการโอนดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินแต่อย่างใดซึ่งสถานะทางกฎหมายของที่ดิน ณ ขณะนั้นเมื่อมีการรับโอนหุ้นดังกล่าว สถานะของที่ดินที่เป็นประเด็นยังไม่ถูกเพิกถอน และยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย
การเพิกถอนที่ดินให้กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์หลังจากนายกรัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง มิได้มีการสั่งการหรือกระทำการใดๆ ที่เป็นการแทรกแซงหรือชะลอการเพิกถอนที่ดินดังกล่าว ตรงกันข้าม กระบวนการเพิกถอนที่ดินให้กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วภายใต้การดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ