ภก.ดร.ปัณณวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี ชี้ "การตลาดออนไลน์" คือหัวใจสำคัญของธุรกิจ
ภก.ดร.ปัณณวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี หนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่อนาคตไกล ชี้ "การตลาดออนไลน์" คือหัวใจสำคัญของธุรกิจ
เป็นหนุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่อนาคตไกลที่น่าจับตามองอย่างมาก สำหรับ ภก.ดร.ปัณณวิชญ์ โชติเตชธรรมมณี หรือ “ดร.เจล” วัย 29 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ด็อกเตอร์ เจล จำกัด นักบริหารยุคใหม่วิสัยทัศน์กว้างไกล ผู้มีความรู้ทางด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง เป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางแบรนด์ ‘ด็อกเตอร์เจล’ (Dr.JEL) ที่เขาก่อตั้งขึ้นมา มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและกำลังไปได้สวย ลองไปทำความรู้จักกับเขากัน
ดร.เจล เรียนจบปริญญาตรี จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศศาสตร์ทางสุขภาพ ซึ่งเน้นทั้งด้านเภสัชฯ และด้านโปรแกรมเมอร์ เมื่อจบมาจึงทำได้ทั้งเขียนโปรแกรม สร้างเว็บไซต์ หรือเซ็ตอัพระบบจ่ายยาในโรงพยาบาลได้ด้วย นอกจากนี้เขายังจบปริญญาโท จากคณะวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และได้รับมอบปริญญาเอก (กิตติมศักดิ์) จาก Honorary Doctorate Degree Business Administration, International University of Morality, Florida, USA อีกด้วย ปัจจุบันเขากำลังเรียน ปริญญาเอก สาขานิเทศศาสตร์การตลาด อยู่ที่มหาวิทยาลัยหอการค้า
“ผมเริ่มเข้าสู่การทำธุรกิจด้วยการทำ ‘LINE @’ (ปัจจุบันคือ LINE Official) โดยเริ่มทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ สวัสดีตอนเช้า สวัสดีวันจันทร์ และคำคมต่างๆ ในเดือน เม.ย.2558 จนคอนเทนต์ใน LINE @ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมียอดติดตามถึง 40 ล้านคน แล้วผมยังเปิดแฟนเพจชื่อ : Jellywalker ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสุขภาพ ธรรมะ และอื่นๆ ไปด้วย จนมีผู้ติดตามถึง 8 แสนฟอลโลว์ การทำ LINE @ นี้ทำให้ผมได้เงินจากค่าโฆษณาที่มาลงถึงวันละ 7 หลัก แต่ทำได้สักพัก บริษัท LINE เขาเกิดทำ LINE Official ของตัวเองขึ้นมา เขาจึงห้ามขายโฆษณาใน LINE @ ในเดือน ส.ค.2558 จากนั้นบริษัทไลน์ก็แนะนำให้ผมลองทำแบรนด์ของตัวเองดู ผมจึงนำเงินที่มีทั้งหมดตอนนั้นไปกว้านซื้อเพจของเพื่อนๆ ที่กำลังจะเลิกทำ LINE @ เก็บไว้หลายสิบเพจ
ต่อมาผมก็ก่อตั้งแบรนด์ตัวเองที่ชื่อว่า Balance Thailand ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าเสริมอาหารและเครื่องสำอางขึ้นมา แล้วนำไปโพสต์โปรโมทในเพจต่างๆ ที่ผมซื้อไว้ ซึ่งแต่ละเพจจะมียอดคนติดตามเยอะมาก ทีมงานก็รันคอนเทนต์ในเพจต่างๆ ไปเรื่อยๆ ผมเลยค้นพบว่า การที่เราเป็นเจ้าของแบรนด์เองน่ะมันรวยกว่า เพราะสิ้นเดือน ก.ย.2558 ผมมีรายได้ถึง 40 ล้านบาทเลยละ แต่เมื่อทำธุรกิจครบ 5 ปี เมื่อเดือน ส.ค.2563 ที่ผ่านมา ผมก็มีปัญหาเรื่องการถือหุ้นในบริษัทกับหุ้นส่วนอีก 2 ราย เมื่อคุยกันไม่ลงตัว ผมจึงตัดสินใจขายหุ้นเพื่อจบปัญหาไปเลยดีกว่า” นักธุรกิจหนุ่ม ไฟแรงเล่าเส้นทางธุรกิจของตัวเอง
ในที่สุดผู้บริหารหนุ่มก็ก่อตั้งธุรกิจเสริมอาหารและเครื่องสำอางซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเองขึ้นใหม่ โดยใช้ชื่อว่า ‘Dr.JEL’ ที่ได้มาจากชื่อเล่นของเขา เมื่อเดือน ก.ย.2563 ที่ผ่านมา
“ทีแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะก่อตั้งแบรนด์ใหม่ซะทีเดียว เพราะทุกวันนี้แค่ดูแลบริหารโรงงานของครอบครัวที่รับผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ กว่า 800 แบรนด์ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาว่างแล้ว แต่ย้อนกลับไปตอนที่ผมยังทำแบรนด์ Balance Thailand คือตอนนั้นจะมีตัวแทนขายสินค้าที่เข้ามาเพราะเชื่อถือในตัวผมจำนวนมากพอสมควร ทีนี้เมื่อพวกเขารู้ว่าผมขายหุ้นและออกจากธุรกิจเดิม เขาก็อยากจะตามมาเป็นตัวแทนด้วย ผมจึงสร้างแบรนด์ใหม่ซึ่งก็คือ ‘Dr.JEL’ ขึ้นมา โดยมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง รวมทั้งสกินแคร์ ทั้งของผู้หญิงและผู้ชายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ซึ่งใช้เงินลงทุนของตัวเองกว่า 100 ล้านบาท โดยไม่มีหุ้นส่วน
ผลิตภัณฑ์ของ ‘Dr.JEL’ ที่ลูกค้านิยม ก็เช่น Hair Tonic Spray Herbal & Vitamin Concentrated ช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ทำให้ผมงอกใหม่ ด้วยสมุนไพรเกาหลี 24 ชนิด ใช้ฉีดที่ผมหรือชุบสำลีแต้มที่คิ้วและหนวด เช้า-เย็น ก็ได้, Shizen แคปซูลซอฟต์เจลซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ทานเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ และหอบหืด, HULX ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ชาย ช่วยเสริมสมรรถภาพ ทำให้ออกกำลังกายได้ทนทานยิ่งขึ้น, Feona ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้หญิง ช่วยในเรื่องผิวพรรณ การปรับสมดุลของรอบเดือนและช่วยสร้างความกระชับ, Massage Oil น้ำมันนวดขยายหลอดเลือดและแก้ปวดเมื่อยสำหรับผู้ชาย เป็นต้น สินค้าส่วนใหญ่เราจะมีฟาร์มออแกนิกส์ที่ปลูกเองทั้งสมุนไพรและถั่งเช่า ที่สำคัญทุกผลิตภัณฑ์จะมีงานวิจัยจากห้องแล็บรองรับ และจดทะเบียน อย.อย่างถูกต้องด้วยครับ” เจ้าตัวเผย
นอกจากนี้แบรนด์ของเขายังมีศูนย์การเรียนรู้ผ่านออนไลน์ ที่มีการสอนเกี่ยวกับ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง รวมทั้งการยิงแอดฯ ให้ฟรี!โดยไม่คิดเงินค่าสอน ซึ่งตัวแทนแต่ละคนของเราก็จะใช้ Facebook และ Instagram ในการโปรโมทและติดต่อซื้อขายสินค้ากับลูกค้า โดยมองว่าแบรนด์ ‘Dr.JEL’ จะเติบโตไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีโอกาสได้เซ็นสัญญา (MOU) กับ สวทช. (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ในเรื่องการผลิตสินค้าเสริมอาหารทางการแพทย์ด้วย
ดร.เจล บอกว่า นอกจากตลาดในไทยแล้ว ในอนาคตเขาจะบุกตลาดในกลุ่มประเทศ AEC อย่าง กัมพูชา พม่า มาเลเซีย และลาว รวมทั้งตลาดจีนด้วย ซึ่งที่จีนนั้นผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าจะขายดีมากๆ
“เป้าหมายหลักในการทำแบรนด์ ‘Dr.JEL’ ของผมคือ ต้องการให้ตัวแทนของเราทุกคนมีรายได้ที่ดีสม่ำเสมอและเป็นรายได้หลักที่ยั่งยืน เนื่องจากเรามีโรงงานผลิตสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องบวกกำไรมากมาย ราคาที่ได้จึงเป็นราคาต้นทุนจากโรงงานจริงๆ ปัจจุบันนี้ผมเป็นกรรมการผู้จัดการ ทั้งหมด 4 บริษัทด้วยกันคือ บริษัท ออกานิกส์ คอสเม่ จำกัด, บริษัท ออกานิกส์ อินโนเวชั่นส์ จำกัด, บริษัท ออกานิกส์ กรีนส์ ฟาร์ม จำกัด และบริษัท ด็อกเตอร์ เจล จำกัด ซึ่งทุกบริษัทผมเป็นเจ้าของเองทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้น สินค้าแบรนด์ด็อกเตอร์เจลทุกชนิดจึงล้วนอยู่ภายใต้ร่มเงาของ 4 บริษัทเหล่านี้ครับ
ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบาด เชื่อมั้ยว่าธุรกิจเราไม่ได้รับผลกระทบเลยนะ ในทางกลับกัน ผลประกอบการกลับโตขึ้น 1000% คือผมเรียนด้านเภสัชฯ มา ผมก็จะรู้เรื่องระบาดวิทยาพอสมควร ฉะนั้นเมื่อเดือน ธ.ค.2562 ผมจึงบินไปสั่งซื้อ Mask N95 จากญี่ปุ่นเข้ามาล็อตใหญ่เลย ตอนนั้นขายดีมากๆ แล้วผมยังเริ่มผลิตเจลแอลกอฮอล์เองที่โรงงานตั้งแต่เดือน ม.ค.2563 ด้วย คือตอนแรกเราทำแจกตามวัด โรงเรียน โรงพยาบาล กระทรวงต่างๆ โดยแจกให้ฟรีจนถึงเดือน มี.ค.2563 แม้แต่ตู้ป้องกันโควิดผมก็ทำไปแจกให้บางองค์กรฟรีด้วย ต่อมาก็มีบริษัทต่างๆ มาจ้างให้โรงงานของเราผลิตเจลแอลกอฮอล์กันมากมาย พูดง่ายๆ ว่าแบรนด์ใหญ่ๆ ในเมืองไทยเหล่านี้ล้วนมาจ้างโรงงานเราผลิตให้ทั้งหมดเลยครับ” เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม แจกแจง
ทั้งนี้ ดร.เจล เสริมว่า ด้วยความที่เขาเป็นทั้งที่ปรึกษาและผู้รับผลิตสินค้าให้กับลูกค้าซึ่งมีมากถึง 800 กว่าแบรนด์ เขาจึงเห็นความเป็นมาเป็นไปและการทำการตลาดของแต่ละแบรนด์มาโดยตลอด ในฐานะที่ตัวเขาเองก็เป็นอาจารย์สอนด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ในหลายมหาวิทยาลัย เป็นผู้จัดสัมมนาด้านการตลาดออนไลน์ รวมทั้งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาด้วย เขาจึงมีความรู้ด้านการตลาดออนไลน์เป็นอย่างดี และสามารถให้คำแนะนำที่ได้ผลดีเลิศกับลูกค้าได้
“เป้าหมายที่ผมตั้งไว้ในอนาคตก็คือ ผมอยากจะนำแบรนด์ Dr.JEL เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ ซึ่งธุรกิจที่จะสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้นั้น ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่ง Dr.JEL ของเราก็มีมูลค่าเกินร้อยล้านอยู่แล้วครับ และในเดือน พ.ย.นี้ บริษัทเราก็ได้ร่วมมือกับ สวทช. วางจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักโดยใช้ชื่อแบรนด์ Dr.JEL ด้วยเช่นกัน ต้องบอกว่าการที่ สวทช.จะมาเซ็นสัญญาร่วมมือกับบริษัทเรา เขาก็ต้องดูจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ใครคือเจ้าของธุรกิจ มายด์เซ็ตเป็นอย่างไร โรงงานผลิตมีมาตรฐานมั้ย มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งที่ผ่านมาเราก็มีลูกค้ารายใหญ่ๆ ด้วย ดังนั้น สวทช.จึงมั่นใจในบริษัทเรา และตัดสินใจมาร่วมลงทุนด้วย สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ โรงงานของเราเป็น 1 ใน 5 โรงงานในประเทศไทย ที่สามารถวิจัยและผลิตอาหารเสริมทางการแพทย์ได้อีกด้วย” ดร.เจล ทิ้งท้าย
ผู้สนใจสามารถอัพเดตข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.doctorjel.co.th หรือ http://www.facebook.com/jel.rx และช่อง Youtube : Doctor JEL