
รวบสาวแสบตุ๋นเหยื่อซื้อแพ็คเกจทัวร์สูญ10ล. (ชมคลิป)
ตำรวจท่องเที่ยวรวบสาวแสบเปิดบริษัททัวร์ตุ๋นเหยื่อซื้อแพ็คเกจเที่ยวต่างประเทศ สูญกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผบก.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.ทท. พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ รองผบก.ทท. พ.ต.อ.สุริยา นาคแก้ว ผกก.สน.โคกคราม ตำรวจฝ่ายสืบสวน กก.2 บก.ทท. และตำรวจ สน.โคกคราม ร่วมกันแถลงผลการจับกุม น.ส.ณัฎฐอัณณ์ หรือเอ๋ ไชยนันทน์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/61 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 565/2559 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2559 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์, ประกอบกิจการนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ อ.เทิง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา
พ.ต.อ.อาชยน กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายเป็นจำนวนมากว่า ถูกบริษัททัวร์จัดหานักท่องเที่ยวภายในประเทศไทยไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งนำเสนอขายทางอินเตอร์เน็ตในราคาถูกกว่าบริษัทนำเที่ยวเจ้าอื่น แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดกลับไม่สามารถเดินทางได้จริงตามคำโฆษณา ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบ กระทั่งทราบชื่อผู้ต้องหา คือ น.ส.ณัฎฐอัณณ์ พร้อมด้วย น.ส.อัญชลี อินทรักษ์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องขังอยู่ระหว่างการรับโทษตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ ที่ได้ร่วมกันเปิดบริษัท ออล แดท ไทย ทราเวล จำกัด และ บริษัท แอท ทราเวล กรุ๊ป จำกัด จัดแพ็คเกจหาลูกทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศ ประกอบด้วย เกาหลี ญี่ปุ่น และเมียนมาร์
"วิธีการของผู้ต้องหาคือจะนำเสนอขายทางอินเตอร์เน็ตให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งหลอกขายในราคาแพ็คเกจที่ถูกกว่าบริษัทอื่น โดยมีผู้เสียหายหลายรายได้หลงเชื่อเข้าไปซื้อแพ็คเกจทัวร์พร้อมทั้งโอนเงิน แต่เมื่อถึงเวลาที่กำหนดของการเดินทางผู้ต้องหากลับไม่สามารถจัดทัวร์ให้กับลูกค้าได้จริง และไม่ยอมคืนเงินตามที่ลูกค้าชำระไป อีกทั้งยังมีลักษณะเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้ที่ต้องการไปเที่ยวต่างประเทศอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยทาง บก.ทท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานก่อนสืบทราบว่าทาง น.ส.ณัฎฐอัณณ์ เคยมีหมายจับในลักษณะดังกล่าวทั้งหมด 8 หมาย รวมทั้งสิ้น 20 คดี ซึ่งไม่ปรากฎที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และได้หลบหนีไปอยู่ที่ อ.เทิง จ.เชียงราย จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ดังกล่าวก่อนนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.โคกคราม" พ.ต.อ.อาชยน กล่าว
สอบสวน น.ส.ณัฎฐอัณณ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวจริง โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา เคยประกอบอาชีพเป็นลูกจ้างของบริษัททัวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนมีการเรียนรู้ อาศัยช่องทางในการหลอกนักท่องเที่ยว จึงตัดสินใจลาออกมาเปิดบริษัทเป็นของตนเอง ซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยนวลจันทร์ 28 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. โดยไม่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่ปี 58 ที่ผ่านมา กระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว
ด้านนางระวิวรรณ โพธิเอี่ยม อายุ 64 ปี ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนเป็นข้าราชการบำนาญ ซึ่งสามีอยากชวนตนพร้อมกลุ่มเพื่อนรวม 50 ราย ไปเที่ยวที่ประเทศเกาหลีใต้ จึงเข้าไปติดต่อซื้อแพ็คเกจในเว็บไซต์ของน.ส.ณัฎฐอัณณ์ ก่อนมาทราบว่าผู้ต้องหาเคยเป็นอดีตลูกจ้างของบริษัทนำเที่ยวเก่าที่มีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งทางน.ส.ณัฎฐอัณณ์ พร้อมด้วยสามีชาวเกาหลี ยังมาหาตนที่บ้านเพื่อให้ข้อมูลต่างๆ รวมทั้งเสนอของแถมทั้งส่วนลด กระเป๋าเดินทาง และไกด์นําเที่ยวให้ฟรี จึงตัดสินใจซื้อแพ็คเกจ ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีรวมทั้งสิ้นประมาณ 5 แสนบาท เมื่อใกล้ถึงเวลาที่กำหนดเดินทางกลับไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงไปตามหาที่บริษัทซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยนวลจันทร์ กลับพบเพียงลูกน้องเท่านั้น และให้ข้อมูลอ้างว่าน.ส.ณัฎฐอัณณ์ ไปส่งลูกค้าทัวร์ หลังจากนั้นน.ส.ณัฎฐอัณณ์ ได้ติดต่อกลับเข้ามาพร้อมกล่าวขอโทษว่าจะยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้ภายใน 14 วัน ซึ่งจะสั่งจ่ายเป็นเช็ค แต่เมื่อนำไปขึ้นเงินก็ไม่สามารถเบิกถอนและติดต่อได้อีกเลย
ขณะที่ พ.ต.อ.สุริยา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ทางผู้ต้องหาได้นำทนายความส่วนตัวเข้ามารับฟังการแถลงข่าว รวมทั้งมีกลุ่มผู้เสียหายต่างเดินทางมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม โดยเบื้องต้นทางผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง และจะยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้หากมีผู้เสียหายเพิ่มเติมก็นำหลักฐานมายื่นแสดงต่อทางเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนสน.โคกคราม ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อสรุปในสำนวนคดีก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป