ข่าว

ทีกับแฟนหน้างอขอให้มาม่าติดคอ

ทีกับแฟนหน้างอขอให้มาม่าติดคอ

05 ต.ค. 2562

หากใครติดตามดูซีรีส์ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน เมื่อวานกับสัปดาห์ก่อน คงจะหงุดหงิดกับความสัมพันธ์ระหว่าง หมอเป้ง & ทานตะวัน กับ หมอเป้ง & บะหมี่

 

               เลี้ยงลูกตามใจหมอ โพสต์ข้อคิดจากซีรีส์ดัง รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ชี้ สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าของตาย เตือน อย่าให้คนที่บ้านกลายเป็นของตายของใคร พร้อม ปล. ถึง หมอเป้ง กับคนอื่นล่ะ สดชื่นแจ่มใส ทีกับแฟนตัวเองล่ะหน้างอเป็น ส้น*** ขอให้มาม่าติดคอ

 

 

 

               หมอเป้ง & ทานตะวัน คนที่เคยกันบอกว่า "รัก" มากว่า 15 ปี จนมาถึงวันหนึ่ง บางครั้งที่ตัวของหมอเป้งเองอาจยังไม่รู้ตัวเลยว่า จากความรักแบบหนุ่มสาว ได้เปลี่ยนไปเป็น #ความชินชา ไปตั้งแต่เมื่อไร จนทานตะวันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า 'ของตาย' ที่ดูเหมือนเสียใจในวันที่เลิกรา แต่ไม่เคยมีแม้แต่ 'เวลาที่ให้กัน' ถึงขนาดที่ว่าเจอกันบ่อยไปยังเอ่ยคำว่า "รำคาญ" ออกมาอย่างไม่ขัดปากสักนิด

               รักกันแค่ไหนเชียว เวลานิดเดียวยังไม่มีให้

 

 

 

ทีกับแฟนหน้างอขอให้มาม่าติดคอ

 

 

 

               ในขณะเดียวกัน กับ 'บะหมี่' ที่ดูเหมือนความสัมพันธ์จะก่อร่างสร้างตัว อย่างรวดเร็ว งานหมอฉุกเฉินก็เหมือนเดิม แต่ดูเหมือนจะว่างขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ มีเวลาไปซื้อถุงมือให้บะหมี่ซะงั้น แถมยังมีเวลามาตามงานด้วยนะว่า ได้ของขวัญหรือยัง ... อยากจะร้อง "แหมมมม ..." ถึงยะลา 555 อยู่บนดาวอังคารก็มองออกว่า 'ใส่ใจ'

 

 

 

ทีกับแฟนหน้างอขอให้มาม่าติดคอ

 

 

 

               กลับมามองในความสัมพันธ์ของหน่วยเล็กที่สุดของสังคมอย่าง 'ครอบครัว' อย่างที่พ่อหมอเคยบอกว่าคนเรานั้นต้องการ #ความปลอดภัยทางอารมณ์ (emotional security) ที่เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่เราจะแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเต็มที่กับคนที่เรารู้สึกไว้ใจที่สุด ปลอดภัยที่สุด เราควรหัวเราะไปด้วยกัน ร้องไห้ไปด้วยกัน แชร์ทุกเรื่องต่อกันอย่างเปิดอก เปิดใจ เปิดหูรับฟังกันอย่างไม่ตัดสิน และเติบโตเคียงข้างกันไป ให้ครอบครัวคือพื้นที่ปลอดภัยของทุกคนที่ทุกคนอยากกลับมาพักในวันที่แสนเหนื่อยล้า เป็นพื้นที่ที่แม้นั่งอยู่นิ่ง ๆ ก็มีรู้สึกปลอดภัย

               สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ #เห็นค่าของกันและกัน

               หลายครอบครัวใช้ชีวิตกันด้วยความเคยชิน จนลืมนึกถึง 'ค่า' และ 'ความรู้สึก' ของกันและกันไป กลับบ้านมาไม่พูดไม่คุย อาบน้ำนอนหลับ ตื่นเช้าไปทำงาน นอนข้างกันแต่ก็เหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ แย่กว่านั้นบางคนอยู่นอกบ้านแสนดีประหนึ่งคุณหญิงคุณชายในสายตาคนอื่น แต่กับคนในครอบครัว เหวี่ยงวีน หงุดหงิดใส่ตลอด ทำอะไรก็ไม่ถูกใจไปเสียหมด แค่ 'เวลา' ถามสารทุกข์สุกดิบกันสั้น ๆ ยังไม่มีเลย นี่แหละที่เรียกว่า 'ของตาย'

               คนรักกันไม่ควรเป็น 'ของตาย' ของกันและกัน เพราะความรักเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไปได้ตามกฎของธรรมชาติ เมือ่ไรก็ตามที่เรายกฐานะของอีกฝ่ายให้เป็น 'ของตาย' สุดท้ายของตายของเราอาจจะไปกลายเป็นเบอร์หนึ่งของอีกคนก็ได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ถึงวันนั้นเราอาจจะมานั่งนึกเสียดายของตายที่แสนดีของเราไปก็ได้นะ ไม่มีใครอยากอยู่แบบไร้ค่าในสายตาคนที่เราแคร์หรอกครับ

 

 

 

ทีกับแฟนหน้างอขอให้มาม่าติดคอ

 

 

 

               จงเห็นความรู้สึก เห็นคุณค่าของกันและกัน

               มีเวลาดีๆ ให้กัน เพราะนี่คือ 'ครอบครัว'

               หน่วยที่เล็กที่สุดที่มีความสำคัญที่สุดในสังคม

               เรามีเวลาให้สิ่งที่สำคัญสำหรับเสมอ จำไว้ครับ

               ทิ้งท้ายสำหรับการเลี้ยงลูก เพราะรักมากลูกจึงงี่เง่ากับเรามาก เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราคือพื้นที่ปลอดภัยของเขาครับ แต่สิ่งที่เราต้องสอนลูกเสมอคือสิ่งที่เรียกว่า "Empathy" หรือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สอนให้เขารู้ว่าการกระทำของเขานั้นทำให้พ่อแม่ 'รู้สึก' อย่างไรบ้าง เพราะพ่อแม่ก็ไม่ใช่ 'ของตาย' ของเขาเช่นกัน ทุกคนมีหัวจิตหัวใจ เหวี่ยงวีนมาก ๆ พ่อแม่หนีไปเที่ยวพักใจนะจ๊ะ เอ๊ะ ยังไง ... (ยังวกกลับมาเรื่องเลี้ยงลูกได้ สบายใจละ 555)

               จาก #น้องหมอ เอง #หมอวินเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

               ปล. ถึงหมอเป้ง กับคนอื่นล่ะ สดชื่นแจ่มใส ทีกับแฟนตัวเองล่ะหน้างอเป็น ส้น*** #move_on_ไวเวอร์ #ขอให้มาม่าติดคอ ทำไมอินล่ะ 555