ข่าว

รัฐแจกหน้ากากสกัดไวรัสโคโรน่าลาม

รัฐแจกหน้ากากสกัดไวรัสโคโรน่าลาม

07 ก.พ. 2563

จีนซาบซึ้งในหลวงพระราชทานสิ่งของช่วย "บิ๊กตู่" สั่งกลาโหมแจกหน้ากากอนามัย พณ. เปิดขาย 10 ล้านชิ้นผ่านร้านธงฟ้า เริ่ม 8 กุมภาพันธ์ นี้

 

              เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563  นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ห่วงใยสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน

อ่านข่าว-ทำเนียบฯ เปิดขายหน้ากากอนามัย 10 ชิ้น 25 บาท

 

 

 

              จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจัดหาหน้ากากอนามัยและแจกจ่ายให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง เช่น จังหวัดใหญ่ๆ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก แจกจ่ายโดยเริ่มต้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ กระจายไป 18 จุด จุดละ 2,500 ชิ้น รวม 45,000 ชิ้น นอกจากนี้ นายกฯ ได้กำชับให้กระทรวงพาณิชย์เข้มงวดกวดขันการฉวยโอกาสขึ้นราคาและกักตุนหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เนื่องจากได้รับแจ้งจากประชาชนจำนวนมาก และสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย

              ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” โพสต์ข้อความว่า

 

 

 

              “หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศให้หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือเป็นสินค้าควบคุมและผมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เร่งจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจร้านจำหน่ายหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ หากพบมีการขึ้นราคาหรือกักตุนสินค้าให้ดำเนินการเด็ดขาด หลังจากนี้หากพื้นที่ใดยังคงมีการร้องเรียนในเรื่องนี้ ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ผมจะถือว่าเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นครับ”

              มีรายงานว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด ให้สำรวจและควบคุมราคาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ หากมีการร้องเรียนหรือปรากฏเป็นข่าวให้ถือเป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่และผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาดำเนินการตามควรแก่กรณีต่อไป

 

 

 

              วันเดียวกัน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. พร้อมคณะ ได้นำหน้ากากอนามัยที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมแพทย์ทหารอากาศ จำนวน 1,000 ชิ้น แจกจ่ายที่ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช และที่ห้างบิ๊กซี สาขาสะพานใหม่ รวมทั้งตลาดยิ่งเจริญ นอกจากนี้กองทัพอากาศได้แจกใน 14 โรงพยาบาลทหารอากาศทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน พล.ร.ต.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ ได้ร่วมแจกหน้ากากให้แก่ประชาชนและกำลังพลซึ่งเป็นไปตามนโยบาย พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ในพื้นที่รอบกองทัพเรือ เช่น รพ.ศูนย์สุขภาพคลองมอญ ชุมชนวังเดิม - วังหลัง ตลาดพรานนก รร.ชิโนรสวิทยาลัย และ รพ.ป้อมพระจุลจอมเกล้า 

              ส่วน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มอบให้สำนักงานเขตแจกหน้ากากอนามัยในจุดสถานีรถไฟฟ้าและชุมชน รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งแจกในช่วงวันที่ 5-9 กุมภาพันธ์ โดยแต่ละเขตมีโควตาแจกวันละ 1,000 ชิ้น แต่หลังจากเริ่มแจกวันแรก พบว่าเป็นที่ต้องการสูงจากทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยว วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ก็ยังหมดอย่างรวดเร็วในหลายเขตโดยเฉพาะเขตปทุมวัน บริเวณรถไฟฟ้าสถานีสยาม หลังจากนี้จะทำเรื่องแจ้งเพื่อขอเพิ่มจำนวนขึ้น

 

 

 

              พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าแจกหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนในจุดต่างๆ โดยแจกไปแล้วกว่า 1.7 ล้านชิ้นยังเหลืออีก 5 แสนชิ้น ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ยาก ทางสำนักพัฒนาสังคมจึงเปิดสอนการเย็บหน้ากากอนามัยแบบผ้าด้วยตนเอง นอกจากนี้ในการผลิตเจลและสเปรย์ล้างมือ ได้มอบหมายให้กองเภสัชกรรมเป็นผู้ผลิต โดยใช้งบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น

              ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ ร้านขายยาขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) สาขากระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี และที่สาขาราชเทวี ถนนพระราม 6 พบว่าตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงเที่ยงมีประชาชนจำนวนมากมาเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อซื้อหน้ากากอนามัยโดยจำกัดการซื้อได้รายละ 1 ห่อ ภายในบรรจุ 10 ชิ้น

 

 

 

              ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงได้กำหนดเปิดขายหน้ากากอนามัยเป้าหมาย 10 ล้านชิ้นทั่วประเทศ โดยเริ่มจำหน่ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 กระทรวงพาณิชย์ เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป และจะกระจายไปทั่วประเทศผ่านร้านธงฟ้าลดค่าครองชีพ ในราคา 2.50 - 5 บาท/ชิ้นตามคุณภาพ โดยเบื้องต้นจะจำหน่าย 2 ล้านชิ้นในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ และจะทยอยส่งให้ครบตามเป้าหมายภายในเดือนนี้ สำหรับผู้ใดที่พบร้านค้าขายเกินราคาหรือปฏิเสธการขาย ให้แจ้งกรมการค้าภายใน เบอร์ 1569 จะดำเนินคดีสูงสุดคือโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

              ที่ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี แถลงความคืบหน้ากรณีการนำคนไทยจากอู่ฮั่น ประเทศจีน จำนวน 138 คนกลับประเทศ โดย นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจการเขตสุขภาพที่ 6 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยความคืบหน้าในวันที่สองของการกักกันดูอาการว่า จากการตรวจสุขภาพร่างกายของ 134 คน พบว่ามีสุขภาพจิตดี ทุกคนไม่มีไข้ ไอเล็กน้อย แต่ไม่เข้าข่ายที่ต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งต้องมีการตรวจเป็นระยะ

 

 

 

              พล.ร.ต.เกิดศักดิ์ วีระโยธิน ผอ.รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กล่าวว่า คนไทย 4 คนที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ จากการตรวจพบว่าทุกคนไม่มีไข้ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ส่วนในรายที่ถ่ายเหลวก็อาการดีขึ้น ขณะที่ 3 คนที่มีการไอนั้น มี 1 คนไม่มีอาการไอแล้ว ส่วนอีก 2 คน ไอน้อยลง สำหรับผลการตรวจเอกซเรย์ปอดพบว่ามี 1 คนที่ปอดมีความผิดปกติเล็กน้อยบริเวณปอดขวาปีกล่าง จากการตรวจในลำคอและจมูก แต่ยังต้องมีการตรวจซ้ำอีกครั้ง เนื่องจากเชื้ออาจจะอยู่ที่ปอดส่วนล่าง ดังนั้นขณะนี้จึงไม่ยืนยันว่ามีเชื้อหรือไม่ แต่อีก 3 คนน่าจะสบายใจได้

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้มีครอบครัวและญาติของคนไทย 138 คน ทยอยเดินทางมาที่ฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อติดตามความคืบหน้า และในวันนี้สามารถวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับคนไทยที่อยู่ในอาคารรับรองสัตหีบ อ่าวดงตาล ได้เป็นครั้งแรก โดยกองทัพเรือได้ติดตั้งอุปกรณ์และเครื่องมือในห้องรับรองญาติไว้แล้ว  โดยเปิดให้บริการเวลา 08.00-19.00 น. ของทุกวัน จำนวน 6 เครื่อง โดย 1 เครื่องญาติสามารถร่วมพูดคุยได้ 2 คน ส่วนโทรศัพท์ของคนไทยที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยและนำไปให้ใช้งานได้ในวันนี้เช่นกัน

 

 

 

              เวลา 15.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้เดินทางมาเยี่ยมคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่นที่อาคารรับรองในฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมทำความเข้าใจกับครอบครัวและญาติในช่วงการกักตัวดูอาการ 14 วันตามหลักมาตรฐานสากล

              ก่อนหน้านี้ ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน แถลงว่า ล่าสุดได้แต่งตั้งแพทย์อดีตผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่มีประสบการณ์ในการควบคุมโรคระบาดทั้งไข้หวัดนก ซาร์ส เมอร์ส เพื่อเป็นที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับกรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ โดยมี นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อดีตอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธาน

              นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันตัวเลขผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อในไทยคงที่ 25 คน รักษาหายแล้ว 9 คน ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ 16 คน ทุกคนอาการดี ส่วนผู้ป่วยชายไทยที่อาการวิกฤติเนื่องจากมีโรควัณโรคร่วมด้วย อาการยังทรงๆ ทางทีมแพทย์ให้การดูแลใกล้ชิด สำหรับตัวเลขผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมตั้งแต่ 3 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ อยู่ที่ 595 คน กลับบ้านแล้ว 202 คน ส่วนกรณีหญิงชาวจีนที่เพิ่งคลอดลูก แล้วทารกติดเชื้อนั้น การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกสามารถเกิดขึ้นได้เพราะเป็นเชื้อใหม่ที่ร่างกายคนเรายังไม่มีภูมิคุ้มกัน

 

 

 

              ด้าน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรณีหากพบว่าผู้ประกันตนมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ สปส. ได้ประสานให้สถานพยาบาลคู่สัญญา 242 แห่ง และเครือข่ายทั่วประเทศเตรียมความพร้อมในการรักษาและวิธีป้องกันอย่างเต็มที่ พร้อมประสานส่งตัวผู้ประกันตนเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีตามขั้นตอน โดยที่ผู้ประกันตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่แถลงการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 มีใจความสรุปว่า ประชาชนจีนได้รับการสนับสนุนและความช่วยเหลือที่ล้ำค่าจากวงการต่างๆ ของประเทศไทย รู้สึกอบอุ่นใจอย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชสาสน์แสดงความห่วงใยไปยัง นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน และพระราชทานเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อาทิ หน้ากากอนามัย ถุงมือยาง เสื้อกาวน์กันน้ำ และยารักษาโรคให้แก่ฝ่ายจีน เราซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง และขอขอบพระคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ส่งสารให้กำลังใจถึง นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ส่งสารแสดงความห่วงใยถึง นายลี่ จ้านซู ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน

 

 

 

              นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล และ ส.ส. หลายคน ได้ให้กำลังใจสนับสนุนให้ประชาชนจีนผ่านพ้นวิกฤตินี้ผ่านช่องทางการส่งสาร โทรศัพท์ วิดีโอและการแสดงออกในลักษณะต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งพี่น้องชาวไทยจากทุกแวดวงอาชีพต่างก็แสดงออกถึงน้ำใจในการช่วยเหลือชาวจีนด้วยการบริจาคเงินและสิ่งของต่างๆ ในขณะเดียวกันผู้ป่วยและนักท่องเที่ยวจีนที่อยู่ในประเทศไทยก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากฝ่ายไทย สิ่งเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจและความรู้สึกที่ลึกซึ้งให้ชาวจีน ประชาชนชาวจีนจะไม่ลืมพี่น้องชาวไทยที่ให้ความช่วยเหลือในยามคับขันอย่างทันท่วงที ความรู้สึกรักใคร่และมิตรภาพที่ลึกซึ้งของฝ่ายไทยในยามทุกข์ยากนั้นได้อธิบายอย่างชัดเจนถึง “การลงเรือลำเดียวกัน” ระหว่างจีนกับไทย สองประเทศจะร่วมมือกันฟันฝ่าวิกฤตการณ์ จะร่วมเฝ้าสังเกตการณ์และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สมดังคำกล่าวที่ว่า “จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน”

 

 

 

              วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (เอ็นเอชซี) เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าที่ได้รับการยืนยันผลเพิ่มขึ้น 3,694 ราย และผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 73 ราย ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และมีรายงานผู้ป่วยต้องสงสัยเพิ่มขึ้น 5,328 ราย ผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักเพิ่มขึ้น 640 ราย และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายดีเพิ่มขึ้น 261 ราย ทั้งนี้จำนวนผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 28,018 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตรวม 563 ราย

              ขณะที่ นายคัตสึโนบุ คาโตะ รมว.สาธารณสุขญี่ปุ่น เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอีก 10 คน บนเรือสำราญที่มีลูกเรือและผู้โดยสารกว่า 3,700 คนที่กักกันไว้ดูอาการ ซึ่งก่อนหน้านี้ตรวจพบ 10 ราย จึงมีผู้ติดเชื้อบนเรือสำราญแล้ว 20 ราย ทั้งนี้ญี่ปุ่นยืนยันการพบผู้ติดเชื้อแล้ว 25 คน หากไม่นับรวมผู้ติดเชื้อบนเรือสำราญลำที่ถูกกัก ขณะเดียวกันก็ยังพบการติดต่อในญี่ปุ่นเองด้วยทั้งมัคคุเทศก์และคนขับรถบัสที่ไม่เคยไปเมืองอู่ฮั่นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่ได้คลุกคลีกับนักท่องเที่ยวจากอู่ฮั่น