ข่าว

อิตาลีช็อกข้ามคืนโควิดคร่า250ศพ

อิตาลีช็อกข้ามคืนโควิดคร่า250ศพ

16 มี.ค. 2563

อิตาลีช็อก! วันเดียวติดเชื้อโควิดตาย 250 ราย สเปนยังวิกฤ๖แค่ข้ามคืนติดเชื้อ 1,500 ราย "ทรัมป์" โล่งตรวจไม่พบเชื้อ ขณะที่ฝรั่งเศสสั่งปิดร้านอาหาร-สถานที่ท่องเที่ยว

          เมื่อวันที่ 15 มีนาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นพ.ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำตัวนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยืนยันในงานแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์ที่ 14 มีนาคม ว่าเขาเข้ารับการตรวจหาไวรัสโควิด-19 แล้ว หลังก่อนหน้านี้เขาใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่บราซิล 2 คนที่ตรวจพบภายหลังว่าติดเชื้อดังกล่าว

อ่านข่าว-โลกผวา'โควิด-19'หลายชาติปิดประเทศ

 

 

 

          นพ.ฌอน กล่าวว่า ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าเป็นลบ ซึ่งการเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสดังกล่าวของทรัมป์ เกิดขึ้นหลังจากผู้นำสหรัฐต้อนรับประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำบราซิล ที่ทำเนียบขาว และจากนั้นไม่กี่วัน นายฟาบิโอ ไวน์การ์เทน โฆษกประจำตัวของผู้นำบราซิล ประกาศว่าเขากำลังรักษาตัวจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
          นอกจากนี้ทำเนียบขาวระบุว่า เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาผู้นำสหรัฐจะต้องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของทุกคนที่เข้าใกล้ประธานาธิบดีทรัมป์และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในระยะประชิด ถือเป็นมาตรการคัดกรองเบื้องต้นเพื่อลดความเสี่ยงการจากการติดโควิด-19 ให้ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐ
          ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในประเทศอิตาลี เพิ่มขึ้นถึง 250 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในอิตาลี อยู่ที่ 1,266 ราย นับเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบวัน อย่างไรก็ตามทางการอิตาลี เตรียมใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในแคว้นลอมบาร์เดีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและได้รับผลกระทบมากที่สุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้โรงงานและสำนักงานต่างๆ ปิดทำการ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสภายในแคว้น
          ทั้งนี้ที่ผ่านมาอิตาลีได้สั่งปิด 14 จังหวัดทางตอนเหนือของประเทศไปจนถึงวันที่ 3 เมษายน ซึ่งจะกระทบต่อประชากรทั้งหมด 16 ล้านคน ทั้งยังสั่งปิดโรงละคร โรงภาพยนตร์ โรงเรียน สถานบันเทิง ศาสนสถาน และสั่งไม่ให้มีการจัดพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ ซึ่งรวมถึงพิธีศพหลังจากที่ได้สั่งปิดร้านอาหารและร้านค้าส่วนใหญ่ทั่วประเทศไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถสกัดการแพร่ระบาดได้ โดยยอดผู้ติดเชื้อในอิตาลีล่าสุดอยู่ที่ 17,660 ราย
          นอกจากนี้ในส่วนของประเทศสเปน สำนักข่าวต่างประเทศก็มีรายงานว่ามีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณะนาน 2 สัปดาห์ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งภายใต้คำประกาศนี้ ครอบคลุมคำสั่งห้ามประชาชนรวมตัวกัน สั่งปิดร้านอาหาร บาร์ โรงแรม โรงเรียน และมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศที่มีประชากร 46 ล้านคน และภายใต้คำประกาศนี้ประชาชนได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านเพื่อไปซื้ออาหารและยาหรือไปพบแพทย์และไปธนาคาร หรือทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุเท่านั้น โดยขณะนี้มีรายงานพบผู้ติดเชื้ออีกกว่า 1,500 รายภายในเวลา 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มเป็น 6,046 รายแล้ว ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 58 คนเป็นทั้งหมด 195 คน
          ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศยังรายงานด้วยว่า นายเอดัวร์ ฟีลิป นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส แถลงว่าที่ประชุมฉุกเฉินของคณะรัฐมนตรีเห็นพ้องการปิดให้บริการภัตตาคาร คาเฟ่ โรงภาพยนตร์ สถานที่ท่องเที่ยว และร้านค้า ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวยกเว้นเฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ธนาคาร ร้านจำหน่ายของชำ ร้านขายยา สถานบริการน้ำมัน และร้านจำหน่ายยาสูบ ขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นซึ่งจะเกิดขึ้นตามกำหนดการเดิม คือวันที่ 15 มีนาคมนี้ และสถานที่สำคัญทางศาสนายังคงเปิดให้ประชาชนเข้าไปได้ตามปกติ แต่สถานที่ซึ่งยังคงเปิดบริการทุกแห่งจะมีการยกระดับมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
          นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสย้ำด้วยว่า การจัดงานหรือกิจกรรมที่เป็นการรวมกลุ่มของผู้คนจำนวนมากควรเลื่อนไปก่อนและการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะซึ่งยังคงเปิดตามปกติ ขอให้สงวนไว้ในยามจำเป็นเท่านั้น
          ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสรายงานจำนวนผู้ป่วยสะสมจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในฝรั่งเศส มีจำนวน 4,500 ราย รักษาหายแล้ว 12 ราย เสียชีวิตอย่างน้อย 91 ราย

          สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในอิหร่าน มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 611 ราย เพิ่มขึ้น 97 รายภายในวันเดียว ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 12,729 คน โดยนายซาเอ็ด นามากี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน ระบุว่า 2 วันที่ผ่านมานี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึง 2,500 คน โรงพยาบาลไม่พอรองรับคนไข้แต่ยืนยันว่าจะมีมาตรการควบคุมเชื้อที่เข้มงวดขึ้นอีกและจะเพิ่มคลินิกเคลื่อนที่ให้มากขึ้น
          ขณะที่นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยออกมาตรการให้ผู้ที่เดินทางเข้าสู่นิวซีแลนด์จากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเดินทางมาจากประเทศใดและเป็นบุคคลสัญชาติใดก็ตามรวมถึงพลเมืองนิวซีแลนด์และผู้มีถิ่นพำนักถาวรในนิวซีแลนด์ ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในนิวซีแลนด์มีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 8 คน และยังไม่มีผู้เสียชีวิต โดยมีการยืนยันผู้ป่วยคนแรกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
          ส่วนสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่แถลงการณ์ของเลขาธิการใหญ่คือนายอังตอนียู กูแตรึช ให้เจ้าหน้าที่การทูตทั้งหมดประจำสำนักงานใหญ่ของยูเอ็น ซึ่งตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐ ทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์ หรือ 21 วัน เนื่องจากวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
          อย่างไรก็ตาม นายกูแตรึซ ระบุว่า ภารกิจของยูเอ็นเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โลกซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บุคคลใดต้องเดินทางมายังอาคารสำนักงานใหญ่ของยูเอ็น ขอให้เป็นการเข้าสู่พื้นที่เฉพาะมีกิจจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากยูเอ็นต้องการลดการสัมผัสและการใกล้ชิดระหว่างบุคคลในพื้นที่ให้เหลือน้อยที่สุด ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของยูเอ็นที่นครนิวยอร์กมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 3,000 คน เป็นตัวแทนจากรัฐสมาชิกทั้ง 193 แห่ง
          ขณะที่สำนักงานของยูเอ็นที่เมืองเจนีวา ทางตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากนานาประเทศปฏิบัติงานอยู่รวมกันประมาณ 1,600 คน ปิดสำนักงานและให้เจ้าหน้าที่ทำงานจากที่บ้านชั่วคราวเช่นกัน หลังมีรายงานเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ติดเชื้อเชื้อโควิด-19 ส่วนหน่วยงานอีกหลายแห่งซึ่งมีสำนักงานอยู่ใกล้เคียงกับสำนักงานของยูเอ็นในเมืองเจนีวา อาทิ องค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ระงับการประชุมทั้งหมดจนถึงวันที่ 20 มีนาคมนี้

 

 

 

          ด้าน นายอานิส บาสเวดาน ผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ประกาศปิดโรงเรียนอย่างน้อย 14 วัน นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ โดยให้สถาบันการศึกษาจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์แทน ส่วนพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ สวนสนุก และสวนสาธารณะทุกแห่งในเมืองหลวงปิดให้บริการเป็นเวลา 2 สัปดาห์เช่นกันเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมขอความร่วมมือประชาชนในเมืองหลวงให้งดการออกนอกเคหสถานหากไม่มีความจำเป็น และยกเลิกหรือเลื่อนการจัดกิจกรรมซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากออกไปก่อนเพื่อลดการสัมผัสระหว่างบุคคลให้มากที่สุด
          อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียรายงานสถานการณ์โควิด-19 ว่า ปัจจุบันพบผู้ป่วยติดเชื้อในอินโดนีเซีย 96 ราย รักษาหายแล้ว 8 ราย เสียชีวิต 5 ราย
          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เปิดเผยว่าขณะนี้ญี่ปุ่นยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องประกาศภาวะฉุกเฉินท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด หลังจากเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ญี่ปุ่นได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อพิจารณาว่าจำเป็นเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ นายอาเบะ ยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นจะดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจและการคลังที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เพื่อรับมือผลกระทบของโควิด-19
          นายอาเบะ ยังยืนยันด้วยว่ามหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ยังคงจัดตามแผนเดิม วันที่ 24 กรกฎาคม-9 สิงหาคม ถึงแม้การแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้เลื่อนการแข่งขันกีฬามากมาย ซึ่งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) จะเป็นผู้ตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่า “โตเกียวเกมส์” จะเปิดฉากช่วงซัมเมอร์นี้หรือไม่ “เราจะเอาชนะภัยโรคระบาด และจัดการแข่งขันโอลิมปิก อย่างราบรื่นตามแผน"
          นอกจากนี้สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานว่า กัมพูชาประกาศห้ามพลเมืองจากอิตาลี เยอรมนี สเปน ฝรั่งเศส และสหรัฐ เดินทางเข้าประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 30 วัน จะมีผลตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ตามคำแถลงของกระทรวงสาธารณสุข หลังจากกัมพูชาพบผู้ติดเชื้อไวรัสใหม่ 2 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มเป็น 7 ราย
          ขณะที่เวียดนามยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 5 คน ในวันเสาร์ที่ 14 มีนาคม ซึ่งประกอบด้วย ชาวอังกฤษ เช็ก และเวียดนามอีก 3 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสภายในประเทศขยับเป็น 53 คน โดยพบในหลายเมืองทั่วประเทศ ซึ่งรวมทั้งกรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ และบางเมืองในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศตามคำแถลงของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงจะปฏิเสธการเดินทางเข้าประเทศและหยุดการออกวีซ่านักท่องเที่ยวให้แก่พลเมืองจากประเทศในกลุ่มเชงเก้น และอังกฤษ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม
          ด้านคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีนรายงานสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3,199 คน เพิ่มขึ้น 10 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ป่วยใหม่อีก 20 คน แบ่งเป็น 4 คน ที่เมืองอู่ฮั่น และอีก 16 คนเป็นประชาชนซึ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 80,844 คน ขณะที่ผู้ได้รับการรรักษาจนหายดีในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีจำนวน 1,370 คน เพิ่มสถิติผู้ที่หายดีเป็นอย่างน้อย 66,911 คน 
          ทั้งนี้สถานการณ์ของโควิด-19 นอกประเทศจีน ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก หรือฮู พบการแพร่ระบาดในอย่างน้อย 135 ประเทศและดินแดน มีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 142,539 คน พบมากที่สุดในอิตาลี 21,157 คน เสียชีวิตแล้ว 1,441 คน อิหร่านมีผู้ป่วยสะสม 12,719 คน เสียชีวิตแล้ว 611 คน เกาหลีใต้มีผู้ป่วยสะสม 8,086 คน เสียชีวิตแล้ว 72 คน สเปนมีผู้ป่วยสะสม 6,393 คน เสียชีวิตแล้ว 195 คน ฝรั่งเศสมีผู้ป่วยสะสม 4,500 คน เสียชีวิตแล้ว 91 คน เยอรมนีมีผู้ป่วยสะสม 3,795 คน เสียชีวิตแล้ว 8 คน สหรัฐมีผู้ป่วยสะสม 2,569 คน เสียชีวิตแล้ว 51 คน สวิตเซอร์แลนด์มีผู้ป่วยสะสม 1,189 คน เสียชีวิตแล้ว 11 คน สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยสะสม 1,140 คน เสียชีวิตแล้ว 21 คน และเนเธอร์แลนด์มีผู้ป่วยสะสม 959 คน เสียชีวิตแล้ว 12 คน ซึ่งชัดเจนว่าตอนนี้ทวีปยุโรปคือพื้นที่สีแดงแห่งใหม่ของโควิด-19