รัฐบาลแถลงปิดสถานศึกษาทั่วไทย เพื่อควบคุมโควิด-19
รัฐบาล แถลงปิดสถานศึกษาทั่วไทย ครอบคลุม โรงเรียนรัฐ-เอกชน มหาวิทยาลัยของรัฐ-เอกชน สถาบันกวดวิชา และโรงเรียนนานาชาติ ให้ปิดเทอมเร็วจากเดิม มีผล 18 มี.ค.2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
วันที่ 16 มีนาคม 2563 - ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นพ้องร่วมกันดังนี้
อ่านข่าว : ครม.ปิดสถานบริการกทม.-ปริมณฑล 14 วันเริ่ม18มี.ค.นี้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงในนามรัฐบาลไทยว่า ขณะนี้มีความจำเป็นต้องควบคุมสถานที่ ที่มีผู้คนไปชุมนุมคราวละมากๆ ที่มีการชุมนุมกันเป็นกิจวัตร แล้วมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เพราะไม่ได้ไปนั่งนิ่งๆ และต้องมีการกิจกรรมร่วมกัน ยากต่อการแบ่งแยกที่นั่งให้ห่างจากกัน มีทางเลี่ยงหรือเลิกให้เสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันพรุ่งนี้ (17 มีนาคม 2563 ) เพื่อให้หยุดกิจการหรือปิดสถานที่ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว คาดว่าจะเริ่มได้ในวันที่ 18 มี.ค. 2563 เช่น
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
1.มหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชน ซึ่งเตรียมพร้อมในการปิดเรียนและเลี่ยงไปเปิดสอนออนไลน์
2.โรงเรียนของรัฐ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ โดยเฉพาะนานาชาติ ซึ่งจะปิดเทอมในวันที่ 1เม.ย. นี้ ต้องเร่งวันปิดให้เร็วขึ้นเป็นื 18 มี.ค.2563
3 สถบันกวดวิชา หรือโรงเรียนกวดวิชา ที่สามารถเลื่อนออกไปได้ รับเงินไว้แล้วต้องคืน หรือเลื่อนกำหนดการกวดวิชาออกไปก่อน ใช้มาตรการเดียวกันกับสายการบินและบริษัททัวร์
" มาตรการดังกล่าว เพื่อให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ครู พ่อ แม่ผู้ปกครอง ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 " นายวิษณุ กล่าว
ทั้งนี้สถานศึกษาที่ต้องปิดการเรียนการสอน ตามแถลงการณ์ของรัฐบาลเพื่อรับมือโควิด-19 ปัจจุบันมีสถานศึกษาแยกเป็นโรงเรียนของรัฐ - เอกชน ,มหาวิทยาลัยของรัฐ-เอกชน โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนกวดวิชา โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนฯลฯ
"คมชัดลึกออนไลน์" ประมวลภาพจำนวนสถานศึกษา ทุกสังกัดในประเทศไทย ที่จะได้รับผลกระทบและต้องปิดการเรียนการสอน มีจำนวนประมาณ 34,565 สถานศึกษา ซึ่งพอเป็นสังเขปดังนี้...
โรงเรียนของรัฐในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แยกเป็น
1.สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) มีจำนวน 29,000 โรเรียน
2.สังกัดสำนักงานคณะกรรมการกอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั้งของรัฐและเอกชนมีจำนวน กว่า 900 แห่ง แยกเป็น สถาบันอาชีวะที่เป็นของรัฐมีจำนวน 426 สถาบัน ที่เหลือเป็นของเอกชน มีจำนวนปรับลดขึ้นลงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
สังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แยกเป็นดังนี้
3.สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ มีจำนวน 9 แห่ง
4.สถาบันวิทยาลัยชุมชน มีจำนวน 20 สถาบัน
5.สถาบันการศึกษาของทหารและตำรวจ มีจำนวน 9 แห่ง
6.มหาวิทยาลัยราฏภัฏ (มรภ.)มีจำนวน 38 แห่ง
7.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) มีจำนวน 9 แห่ง
8.สถาบันการศึกษานอกสังกัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีจำนวน 5 สถาบัน
9.สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ (ม.นอกระบบ) มีจำนวน 22 สถาบัน
10.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน (มหาวิทยาลัยเอกชน) มีจำนวน 42 สถาบัน
11.สถาบันอดมศึกษาที่เปิดสอนเป็นครั้งแรก มีจำนวน 17 สถาบัน
12.วิทยาลัยที่เปิดสอนเป็นครั้งแรก มีจำนวน 19 สถาบัน
13.สถาบันอุดมศึกษาอิสระ มีจำนวน 2 แห่ง
14.สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ มีจำนวน 2 สถาบัน
15.โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีจำนวน 147 โรงเรียน
16.โรงเรียนเอกชน มีจำนวน12,137 โรงเรียน มีนักเรียน 3,797,442 คน มีครู จำนวน 178,172 คน
17.โรงเรียนนานาชาติ มีจำนวน 175 โรงเรียน ทั้งนี้ในช่วงปี 2560 พบว่าธุรกิจตลาดรวมมูลค่า 60,500 ล้านบาท/ปี เติบโตต่อเนื่องสูงถึง 12 %
18.โรงเรียนกวดวิชา เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจำนวน 1,116 แห่ง และโรงเรียนกวดวิชาทั่วประเทศอีก จำนวน 1,796 แห่ง รวมจำนวนทั้งสิ้น จำนวน 2,912 แห่ง ซึ่งเมื่อปี 2561 มีมูลค่าการตลาดกว่า 8,000-10,000 ล้านบาท
ยังไม่นับรวมศูนย์การเรียนรู้ชุมชน และศูนย์รับเลี้ยงเด็ก (อายุ 3ขวบขึ้นไป) ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศไทย ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย
0 กมลทิพย์ ใบเงิน 0 รายงาน