สธ. แจงชัด 5 เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์ 32 จังหวัดได้เฮเปิดห้างฯ พ.ค.
รมว.สาธารณสุข เผย 5 เงื่อนไขคลายล็อกดาวน์ 32 จังหวัดเฮลั่น นำร่องเปิดห้างฯ - ร้านอาหาร - ร้านตัดผม และสวนสาธารณะ ต้นเดือน พ.ค.นี้
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2563 นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมแนวทางการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์จากสถานการณ์ไวรัสโรคโควิด-19 ว่า
อ่านข่าว ด่วน ศบค.แถลงฯข่าวดีต่อเนื่อง ไทยปลอดผู้เสียชีวิต 3 วันติดหายป่วยสะสม 1,999 ราย
จากการหารือเห็นตรงกันว่าควรต้องเปลี่ยนผ่านจากวิกฤติโควิด-19 ในปัจจุบัน แต่การเปลี่ยนผ่านจะไม่กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม โดยจะมีเงื่อนไขต่างๆสำคัญ ขณะนี้อยู่ระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) เซ็นหนังสือกรอบความคิดนี้เสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และหารือภาคส่วนต่างๆ เพื่อทำเป็นมาตรการระดับประเทศต่อไป ดังนี้
1. กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานสาธารณสุขทุกภาคส่วน ต้องมีความเข้มข้นในมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองคนที่เข้าประเทศ จำเป็นต้องกักผู้เดินทางมาจากต่างประเทศตามมาตรฐาน 14 วัน เพราะยังมีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา ทุกจังหวัดต้องมีระบบค้นหาผู้ติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยง เช่น ชุมชน แรงงานต่างชาติ หรือสถานที่มีความเสี่ยงต่างๆ
2. เรื่องของคนไทยทุกคน ทุกสังคม ทุกองค์กร ต้องสร้างข้อตกลงกันว่า เราทุกคนจะปฏิบัติในเรื่องของสุขลักษณะที่ถูกต้อง เช่น ออกที่สาธารณะต้องสวมหน้ากากอนามัย การอยู่ห่างกัน เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม เช่น งดการชุมนุมต่างๆ เพราะถ้าเราไม่ช่วยกันก็จะกลับไปสู่การพบผู้ป่วยมากขึ้นทั้งที่ควบคุมได้แล้ว
3. ภาคธุรกิจ ขณะนี้มีคนตกงาน 7-10 ล้านคน ภาคธุรกิจต้องปรึกษาหารือกัน ซึ่งขณะนี้หอการค้า สภาอุตสาหกรรม มีการหารือกันว่ากิจการใดเป็นกิจการเสี่ยงสูง เสี่ยงกลาง เสี่ยงต่ำ และพยายามปรับธุรกิจหรือกิจการต่างๆที่มีความเสี่ยงให้ลดความเสี่ยงลงน้อยที่สุด
4. กิจการบางอย่างที่มีความเสี่ยงสูงมากจะต้องปิดยาว ได้แก่ สถานบันเทิง ผับบาร์ คลับ คาราโอเกะ ไนท์คลับ สถานประกอบการที่มีกิจการทางเพศทั้งทางตรงทางแฝง สนามพนันบ่อน ต้องร่วมมือกันขอให้ปิดระยะยาว ทำเฉพาะจุดที่เป็นต้นกำเนิดของปัญหา ถ้าทำแบบนี้ได้กิจการส่วนใหญ่ก็จะเดินหน้าได้
5. เฝ้าระวังอย่างเรียลไทม์ ทันเหตุการณ์ ในระดับประเทศ จังหวัด และอำเภอ เพื่อรู้ว่าสถานการณ์แต่ละจุดเป็นอย่างไร ถ้าปกติก็เดินหน้าไป ถ้าเริ่มไม่ค่อยดีจะมีการเตือนและชะลอ จังหวะไหนมีอันตรายก็จะหยุด หรืออาจถอยกลับมาให้ทุกคนระวังตัวอยู่กับบ้าน ขึ้นกับพื้นที่และจังหวัด ถ้าทำทั้ง 5 ส่วนนี้ได้ก็จะมั่นใจว่า เราจะค่อย เดินไปข้างหน้า
นพ.คำนวณ กล่าวต่ออีกว่า มาตรการต่างๆจะไม่เดินพร้อมกันหมด 77 จังหวัด จะแบ่งเป็นพื้นที่ตามข้อมูลของ สธ. ที่จัดกลุ่มจังหวัด คือ กลุ่ม 32 จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยในรอบ 2 สัปดาห์ ถือว่ามีการติดเชื้ออยู่ในระดับต่ำ กลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่สามารถเปลี่ยนผ่านได้ในช่วงต้นเดือน พ.ค. แต่อาจจะมีการทดลอง 3-4 จังหวัดช่วงปลายเดือน เม.ย.ก่อน ขึ้นกับความพร้อม จากนั้น 2 สัปดาห์ถ้าสถานการณ์เรียบร้อยดี ก็จะเป็นกลุ่ม 38 จังหวัดที่มีการติดเชื้อประปราย คือกลาง พ.ค. เพราะถึงเวลานั้นจังหวัดเหล่านี้คงมีผู้ป่วยน้อย และจะเป็นกลุ่ม 7 จังหวัดที่มีการติดเชื้อต่อเนื่อง แต่ไม่มีการระบาดใหญ่ ก็จะเป็น 2 สัปดาห์ถัดไปคือ ต้น มิ.ย.
เมื่อถามถึงแนวทางการพิจารณากิจการเสี่ยงสูง กลาง ต่ำ นพ.คำนวณ กล่าวว่า จะพิจารณาจาก 1. ความหนาแน่นของผู้คนไปใช้บริการ ยิ่งหนาแน่นมากก็จะยิ่งมีความเสี่ยงมาก ซึ่งภาคธุรกิจจะกำหนดว่า พื้นที่ขนาดนี้ได้กี่คน และกำหนดเงื่อนไขไม่ปล่อยให้มาออกัน
2. กิจกรรมที่ผู้คนไปใช้สถานที่เหล่านั้น หากต่างคนเข้าไปแล้วไม่ร้องเชียร์ ตะโกน พูดจากันมาก ความเสี่ยงก็จะน้อยลง เพราะเชื้ออยู่ในน้ำลาย ตามน้ำมูก
3. เรื่องของการถ่ายเทอากาศ ถ้าเราเข้าไปอยู่ในห้องเล็กๆ อากาศไม่ถ่ายเทก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น และที่เกี่ยวข้องคือสามารถทำระยะห่างได้หรือไม่ ทางธุรกิจจะไปคำนวณดู แบ่งเป็นเสี่ยงสูง กลาง ต่ำ อะไรเสี่ยงสูงก็จะไม่ดำเนินการจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย อย่างสถานบันเทิงเสี่ยงสูง เปิดไม่ได้ในช่วงนี้ แต่ที่ทยอยได้ เช่น ร้านตัดผม ร้านอาหาร หรือสวนสาธารณะที่ความเสี่ยงต่ำก็ไปเดินออกกำลังกายได้ แต่ไม่ใช่ไปจับกลุ่มกัน
เมื่อถามถึงห้างสรรพสินค้า นพ.คำนวณ กล่าวว่า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆมีความเสี่ยงปานกลาง สามารถจัดการได้ให้ความเสี่ยงลดลงมา อย่างเมื่อก่อนเข้าไปกันทีเยอะมาก ก็อาจต้องกำหนดเลยว่า 1 ชั่วโมง คนเข้าไปได้กี่คน และจะต้องไม่มีการจัดรายการนาทีทองชิงโชคเอาคนมารุมกัน ส่วนห้องน้ำเป็นจุดเล็กๆต้องไม่มีการไปเข้าคิวรอแออัด ซึ่งภาคธุรกิจกำลังออกแบบ และหารือ สธ.ดูมาตรฐาน ถ้าผ่านก็ต้องเสนอไปให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่มีผู้ว่าฯเป็นประธาน ถ้าจังหวัดเห็นว่าสถานการณ์จังหวัดดี ข้อเสนอดี ทำได้จริงก็เริ่มผ่อนปรน
เมื่อถามถึงโรงเรียนต่างๆ นพ.คำนวณ กล่าวว่า โรงเรียนก็ต้องคิดเรียนอย่างไรไม่ให้นักเรียนมาใกล้กัน ซึ่งถ้าเป็นห้องติดแอร์มีความเสี่ยง แต่ตามชนบทบ้านนอกเปิดโล่งความเสี่ยงไม่มาก โดยครูต้องจัดกิจกรรมที่ยังไม่ใช่มีการเข้าค่าย การมาเรียนต้องจัดที่นั่งห่างกัน แต่เรื่องโรงเรียนไม่สัมพันธ์กับการทยอยเปิด เนื่องจากโรงเรียนมีกรอบเวลาในการเปิดช่วง ก.ค.
เมื่อถามถึงการเปิดใน กทม.และนนทบุรี นพ.คำนวณ กล่าวว่า ทั้ง 2 จังหวัดนี้เป็นกลุ่มสุดท้ายเลย และพิจารณาเป็นพื้นที่
นพ.คำนวณ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การใช้ชีวิตต่างๆต้องมีบรรทัดฐานใหม่ เช่น ออกนอกบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ไปออฟฟิศมีการตรวจไข้ ให้ทำงานที่บ้านส่วนใหญ่ ไม่ต้องมาพบปะ ประชุมกันเยอะๆ ต้องเปลี่ยนค่านิยมสังคมไทยที่มักชอบจัดงานใหญ่ๆ แต่งงานเชิญแขกมาเป็นพัน ทำไม่ได้แล้ว ต้องเชิญเฉพาะญาติสนิทมิตรสหายกลุ่มเล็กๆ หรือเมื่อก่อนจัดงานบุญบั้งไฟ มาเยอะๆก็ไม่ได้ ต้องเป็นงานเฉพาะชุมชน ไม่เน้นธุรกิจเอาเงินเข้ามา เน้นเรื่องจิตใจ