ถาม-ตอบกับคุณหมอทวีศิลป์ (27 พ.ค.2563) เรื่องการผ่อนปรนระยะที่ 3 | คมชัดลึก

 

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ตอบคำถามเกี่ยวกับการผ่อนปรนระยะที่ 3 แย้ม กิจการ หรือ กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงเข้ามาอยู่ในการผ่อนคลายระยะนี้ด้วย และมีเยอะมาก

 

โฆษก ศบค.ระบุว่า สำหรับการผ่อนปรนระยะที่ 3 จะมีการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจการพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพทยระบาดโรคโควิด-19 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาผ่อนคลายชุดกิจการ และ กิจกรรมในระยะที่ 3 

 

อ่านข่าว : ด่วน พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งวันเดียวถึง 9 ราย กลับมาจากต่างประเทศล้วนๆ

อ่านข่าว : เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อวันเดียวพุ่ง 9 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม

 

แว่ว ๆ ว่า จะมีกิจการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับการผ่อนคลายจำนวนมาก ซึ่ง ณ ตอนนี้ บรรยากาศเป็นใจให้มีการผ่อนคลายได้มากขึ้น จากการให้ความร่วมมือกันของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ นโยบายของ ผอ.ศบค. ที่ได้ให้ไว้ต่อที่ประชุม ศบค.ครั้งก่อนว่าต้องการให้เปิดกิจการและกิจกรรมผ่อนคลายให้ได้จำนวนมากเพราะทราบดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน

 

คุณหมอทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ แว่ว ๆ ว่าจะมีกิจการ หรือ กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงเข้ามาอยู่ในการผ่อนคลายระยะนี้ด้วย แต่ยังบอกไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง โดยที่ประชุมย่อยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บอกกันว่ามีเป็นจำนวนมาก แต่จะมากขนาดไหนขอให้ทุกท่านรอดูจากเลขาฯ สมช.ต่อไป

 

ซึ่งโจทย์ใหญ่ในที่ประชุมระบุว่า จะต้องทำให้มีความสมดุลกันระหว่าง 2 ส่วนคือ ของผู้ที่จะผ่อนคลาย และอีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่จะต้องดูเรื่องสุขภาพ เพื่อให้ไปด้วยกันได้และอยู่ในลักษณะของความสมดุลและควบคุมโรคได้ 

 

โฆษก ศบค. ย้ำว่า หากมีข่าวว่าเป็นกิจการหรือกิจกรรมใดนั้นจะยังไม่มีการยืนยันจนกว่าจะมีการนำเข้าที่ประชุม จนกว่าที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่จะนำเข้าพิจารณา เพื่อให้เกิดการผ่อนคลายได้ภายในสุดสัปดาห์นี้

 

เราจะกลับไปสู่ระยะที่ 3 อีก 2 สัปดาห์ และระยะที่ 4 อีก 2 สัปดาห์ รวมเป็น 1 เดือนพอดีที่เราจะต้องดูแลกันและกันเป็นอย่างดี ซึ่งตนก็หวังว่าหลังจาก 30 มิถุนายน 2563 พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะไม่ถูกต่อออกไปอีกถ้าเป็นไปได้ 

 

เราก็จะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยเป็นชีวิตปกติแบบวิถีใหม่ หรือ New Normal ถ้าทุกคนปรับตัวกับชีวิตวิถีใหม่นี้และต่างดูแลตัวเอง และรับผิดชอบต่อสังคม ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องมีกฎหมายไม่ต้องมีอะไรมาดูแล

 

ในส่วนของเจ้าของกิจการ เราต้องการ 3 ส่วนที่ต้องขอความร่วมมือ คือ เจ้าของกิจการขอให้ช่วยคิดในรายละเอียดของกิจการเอง ถึงแม้ว่าเดิมจะเป็นโซนสีแดง แต่ถ้ามีกิจการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และทำให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าถ้าเปิดแล้วทำให้ไม่เกิดโรคได้ ขอให้เสนอเข้ามา

 

ส่วนประชาชนที่จะต้องไปร่วมทำกิจการหรือกิจกรรมนั้น ๆ ก็ต้องปรับตัวและทำให้เคยชินและอยู่ในวิถีใหม่ให้ได้ ขณะเดียวกัน ภาครัฐที่จะต้องเข้าไปกำกับดูแล และควบคุมก็ต้องเรียนรู้จากทั้ง 2 ส่วนดูแลเพื่อทำให้เราทุกคนผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน