"สปสช." ย้ำเหยื่อทุจริต "บัตรทอง"เข้ารักษาได้ทุกที่
"สปสช."ย้ำ ผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิกชุมชนอบอุ่นใน กทม. ได้วีซ่าพิเศษไปรักษาที่หน่วยบริการในเครือข่าย สปสช.ที่ไหนก็ได้ ไม่เสียเงิน ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบมาลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำที่สำนักงานเขตในช่วงนี้
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ กทม. เดินทางไปที่สำนักงานเขตเพื่อทำเรื่องขอย้ายหน่วยบริการประจำหลังจากที่หน่วยบริการเดิมของตนถูก สปสช. ยกเลิกสัญญาเนื่องจากทุจริตการเบิกจ่ายเงินรายการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยขอย้ำว่าอย่าเพิ่งตื่นตระหนก สิทธิของประชาชนในการได้รับการรักษาพยาบาลไม่ได้ถูกยกเลิกตามไปด้วยและ สปสช. ได้เตรียมมาตรการรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องรีบไปที่สำนักงานเขตเพื่อทำเรื่องขอย้ายหน่วยบริการประจำแต่อย่างใด
นพ.ศักดิ์ชัย ขยายความว่า การยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการที่ทุจริตเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพนั้น ทำให้มีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 1 ล้านคน อย่างไรก็ดี ในส่วนของ 18 คลินิกที่ถูกยกเลิกสัญญาในล็อตแรก มีผู้ได้รับผลกระทบ 2 แสนคน ในส่วนนี้ สปสช.ได้จัดระบบรองรับเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เพิ่งยกเลิกสัญญาในล็อตที่ 2 จำนวน 64 แห่งมีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 8 แสนคน
อย่างไรก็ดี ในจำนวนนี้ มีผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลและผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลและรับยาต่อเนื่องประมาณ 30% ส่วนอีก 70% คือผู้มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในตอนนี้
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ผู้ป่วยนัดผ่าตัด ผู้ป่วยล้างไต/ฟอกไต หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ สปสช.มีฐานข้อมูลที่ชัดเจนและได้มีการประสานไปยังผู้ป่วยโดยตรงแล้ว เพื่อให้สามารถเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง แต่หากเกิดปัญหาขัดข้อง ไม่ได้รับการติดต่อจาก สปสช. ก็สามารถส่งข้อความผ่าน Facebook สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ Facebook รู้จริงสิทธิบัตรทอง สปสช. กทม. เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ติดต่อกลับโดยเร็ว
ส่วนกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องรับการดูแลต่อเนื่อง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง สปสช.ร่วมมือกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้ในระยะสั้นก่อนระหว่างรอหน่วยบริการใหม่ เบื้องต้นผู้ป่วยเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่งโดยไม่จำเป็นต้องขอใบส่งตัวหรือกลับไปขอประวัติการรักษาจากหน่วยบริการเดิม เพราะบุคลากรทางการแพทย์ของศูนย์บริการสาธารณสุขสามารถเรียกดูข้อมูลประวัติการรักษาจากฐานข้อมูลของ สปสช. ได้อยู่แล้ว
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ในส่วนของกลุ่มที่เหลืออีก 70% ที่สุขภาพยังแข็งแรงดี เมื่อหน่วยบริการประจำเดิมถูกยกเลิกสัญญาไปแล้ว สถานะของคนกลุ่มนี้จะกลายเป็นสิทธิว่าง คำว่าสิทธิว่างนี้ ไม่ได้มีความหมายในเชิงลบ แต่หมายถึงเป็นสถานะพิเศษ หรือสิทธิพิเศษที่เป็นเหมือนวีซ่าที่สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการในเครือข่าย สปสช. ที่ใดก็ได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้งและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแต่อย่างใด ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหน่วยบริการจะเรียกเก็บค่าบริการมาที่ สปสช. เอง
"จะเห็นได้ว่าในกลุ่มผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาหรือดูแลต่อเนื่อง เราได้จัดมาตรการรองรับไว้แล้ว ส่วนคนที่ร่างกายยังแข็งแรง แต่อาจกังวลว่าถ้าเจ็บป่วยขึ้นมาหรือป่วยทั่วๆไป เช่น เป็นไข้ หวัด ปวดหัวตัวร้อนจะไปรักษาตัวที่ไหน ขอย้ำว่าท่านสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการในเครือข่าย สปสช.ได้ทุกที่ ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องรีบมาที่สำนักงานเขตเพื่อลงทะเบียนขอย้ายหน่วยบริการประจำในช่วงนี้แต่อย่างใด จนกว่า สปสช.จะประกาศอย่างเป็นทางการ" นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ สปสช.ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ความช่วยเหลือ ท่านผู้ว่า กทม. ช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ โดยสั่งการ ศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่งดูแลประชาชน และให้สำนักงานเขตอำนวยความสะดวกในการย้ายหน่วยบริการ ในกรณีที่มีความจำเป็น ท่านอธิบดีกรมการแพทย์ ยินดีให้ รพ.สังกัดกรมการแพทย์ รับรักษาผู้ป่วยสิทธิว่าง ท่านอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่ประสานหน่วยบริการที่ถูกยกเลิก ต้องให้ประวัติคนไข้ และห้ามเก็บเงิน ที่ผ่านมา สปสช.ได้เชิญผู้บริหารสถานพยาบาลใน กทม.ทุกแห่ง ซักซ้อมทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือดูแลประชาชน แล้ว
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับผู้ที่เป็นสิทธิว่างที่ไม่แน่ใจว่าหน่วยบริการที่ต้องการเข้าไปรับบริการอยู่ในเครือข่ายของ สปสช. หรือไม่ สามารถค้นหาข้อมูลสถานพยาบาลจาก Link https://reghosp.nhso.go.th/hospital_search/ โดยพิมพ์ชื่อสถานพยาบาลได้เลย รวมทั้งสามารถติดต่อสอบถามผ่านช่องทางสายด่วน สปสช. 1330 หรือไลน์ @ucbkk และ @nhso โดย สปสช.จะเร่งดำเนินการจัดหาคลินิกชุมชนอบอุ่นรายใหม่เข้ามารองรับกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบในครั้งนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้เลือกลงทะเบียนหน่วยบริการ และขอย้ำอีกครั้งว่าในระหว่างนี้สามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการเครือข่าย สปสช.ได้ทุกแห่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่จำกัดจำนวนครั้ง