ข่าว

แฉผ้าเหลืองลี้ภัย โบว์ ณัฏฐา ช่วยหลบหนี ถูกไล่พ้นวัด หนุนรัฐดำเนินคดีจับสึกพระหน้าด้าน

แฉผ้าเหลืองลี้ภัย โบว์ ณัฏฐา ช่วยหลบหนี ถูกไล่พ้นวัด หนุนรัฐดำเนินคดีจับสึกพระหน้าด้าน

17 ธ.ค. 2563

นักวิชาการหนุนรัฐดำเนินคดีจับสึกพระหน้าด้าน แฉผ้าเหลืองลี้ภัย ที่ โบว์ ณัฏฐา ช่วยระดมเงินกว่า 2 แสนให้หลบหนีไปนอก ถูกไล่พ้นวัด เพราะไปร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมืองหลายครั้ง

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่องด่วน ขอความช่วยเหลือผู้มีจิตศรัทธาร่วมแรงบริจาคเงินเป็นค่าใช้จ่ายหลักแสนส่งพระสงฆ์รุ่นใหม่ที่ตัดสินใจลี้ภัยอย่างปัจจุบันทันด่วน เนื่องจากโดนตั้งข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แทน ม.112 โดยจะไปตั้งสำนักสงฆ์ในประเทศหนึ่งทางยุโรป ต่อมากลางดึก 23.25 น. คืนวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา โบว์ ณัฏฐา อัปเดตยอดระดมทุน ถึงวันปิดระดมทุน (30 พ.ย.) คือ 217,034 บาท พร้อมภาพ พระปัญญา สีสัน บนเครื่องบิน

 

อ่านข่าว - ด่วน โบว์ ณัฏฐา อัปเดตยอดเงินช่วย พระปัญญา สีสัน โดนคดีลี้ภัยไปนอกถึงที่ปลอดภัยแล้ว

 

ล่าสุด ดร. ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก รัฐบาลทำถูกแล้ว พระปัญญา สีสัน เคยอยู่ วัดญาณสังวราราม ซึ่งเป็นวัดที่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ทรงตั้งพระทัยสร้างให้เป็นวัดที่เน้นด้านวิปัสสนาธุระโดยเฉพาะ

ปัจจุบัน วัดญาณฯ มี พระสุปฏิปันโน ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นศิษย์ของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า นั่นเอง สอนทั้งสมถะและวิปัสสนาอยู่ในวัด คือ พระจุลนายก (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) ท่านบวชที่ วัดบวรฯ ก่อนจะไปอยู่ วัดญาณฯ และเคยไปปฏิบัติธรรมที่ วัดป่าบ้านตาด กับ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน หลายปี ท่านพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง จึงมีศิษยานุศิษย์จากหลายประเทศสนทนาธรรมกับท่านเป็นประจำ

 

ส่วนท่านเจ้าอาวาส คือ พระโสภณคณาภรณ์ (ไชยวัฒน์ ชยวฑฺฒโน ป.ธ.7) ผมเรียกท่านว่า หลวงพี่ไชยวัฒน์ เพราะสมัยหนึ่งเคยอยู่ วัดบวรนิเวศวิหาร ด้วยกันและเคยเข้าสอบบาลีเปรียญ 8 ประโยคด้วยกัน แต่ท่านมีนิสัยเอียงไปทางวิปัสสนาธุระ รักสงบ ศีลาจารวัตรงดงาม ไม่ได้ทุ่มให้กับการเรียนบาลีเต็มร้อย ภายหลังท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดญาณสังวราราม มาจนบัดนี้ เมื่อวานก็เพิ่งโทรศัพท์คุยกับท่าน

ส่วน พระปัญญา สีสัน มีนิสัยชอบทางการเมือง ไปบวชอยู่ วัดญาณฯ และได้ไปร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมืองหลายครั้ง จึงถูกทางวัดสั่งให้ย้ายสังกัดออกไปอยู่ที่อื่น (พูดภาษาชาวบ้านก็คือ *ไล่ออก*) ตั้งแต่ออกพรรษาที่ผ่านมาแล้ว ท่านไม่ได้เกียร์ว่างครับ

 

วัดแต่ละวัดนอกจากหลักพระธรรมวินัยซึ่งมีเหมือนกันแล้ว ต่างก็มีกฎเกณฑ์ หรือธรรมเนียมปลีกย่อยอื่นๆ ในรูปพระราชบัญญัติคณะสงฆ์บ้าง ประกาศคณะสงฆ์บ้าง ฯลฯ มิให้พระสงฆ์ไปร่วมชุมนุมประท้วงทางการเมือง เมื่ออยู่ในหลักวินัย ธรรมเนียม หรือกติกาวัดไม่ได้ ก็ต้องถูกไล่ออกเป็นธรรมดา

รัฐบาลทำถูกแล้วครับที่ดำเนินคดีอย่างจริงจัง เป็นการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างถูกวิธี ในอดีต มีพระสงฆ์จำนวนมากไม่เคารพหลักพระธรรมวินัย และธรรมเนียมสงฆ์ต่างๆ แต่หน้าด้านอยู่ในสมณเพศ แถมบางรูปมีลูกศิษย์ลูกหา ทั้งพระ ทั้งฆราวาส มาก เวลาเจ้าอาวาสหรือพระสังฆาธิการตักเตือนบ่อยๆ ก็ทำร้ายร่างกายเอาก็มี เจ้าอาวาสที่อายุมากจึงพากันกลัวถูกทำร้าย ก็เลยพากันไม่กล้าตักเตือน

 

การจัดการพระกระทำผิดพระวินัย ซึ่งภาษาพระวินัย เรียกว่า พระประเภท *ทุมมังกุ* หรือพระหน้าด้านทั้งหลาย (แถมบางรูปมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นบริวารมาก) จึงต้องขอให้ทางบ้านเมืองช่วยทำอย่างจริงจังจึงจะสำเร็จได้

สมัยสังคายนาครั้งที่ 3 พระสงฆ์ฝ่ายธรรมวาทีและวินยวาที พบว่า มีพระละเมิดพระวินัยเป็นอาจิณมาก ชี้แจงแล้วก็ทำหน้าด้าน ไม่สนใจ แถมมีสมัครพรรคพวกมากอีกต่างหาก พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต้องขอพึ่งพระบารมีพระเจ้าอโศกมหาราช จึงสามารถจัดการจับสึกพระหน้าด้านหน้าทนเหล่านี้ให้หมดไปจากสังฆมณฑลและทำสังคายนาพระธรรมวินัยให้บริสุทธิ์เหมือนเดิมได้